เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า
the Art of Living)
( ๑ ) โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเอกชนในระบบ เปิดสอนประเภทสามัญศึกษา
( ๒ ) โรงเรียนนี้จัดการเรียนการสอนในระดับปฐมวัย
ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา
( ๓ ) ความจุนักเรียนสูงสุดจำนวน ๕๒๕ คน
( ๔ ) ในตราสารนี้
ผู้รับใบอนุญาต คือ สัมมาชีวศิลปมูลนิธิ
ผู้แทนผู้รับใบอนุญาต คือประธานกรรมการสัมมาชีวศิลปมูลนิธิโดยตำแหน่ง
ผู้จัดการ คือ
ผู้จัดการโรงเรียนที่ได้รับการแต่งตั้งตามตราสารนี้
ผู้อำนวยการ คือ
ผู้อำนวยการที่ได้รับการแต่งตั้งตามตราสารนี้
ครู หมายถึง บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักด้านการเรียนการสอน
ผู้ปกครอง หมายถึง บิดา มารดา หรือผู้ทำหน้าที่แทนบิดา
มารดาของนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่
พนักงาน หมายถึง พนักงานและลูกจ้างที่ปฏิบัติงานประจำ
หรือชั่วคราวในโรงเรียน
ข้อ ๒. โรงเรียนตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๑ ถนนเลียบอ่างเก็บน้ำบางพระ
ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ๒๐๑๑๐ โทรศัพท์และโทรสาร ๐๓๘ ๓๕๗๒๗๒ E-mail : schoolbangpha@yahoo.com
ข้อ ๓ เครื่องหมาย/ตราของโรงเรียนนี้คือ
รูปบัวสี่เหล่ากลางน้ำ มีพระอาทิตย์ส่งรัศมีอยู่ในวงกลมในชั้นนอกมีข้อความรอบวงกลม
โรงเรียนสัมมาชีวศิลป บางพระ
ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระสังฆราช อักษรย่อว่า ส.ช.ศ.
ข้อ ๔. รายละเอียดแผนผังแสดงบริเวณและอาคารของโรงเรียนปรากฏตามเอกสารแนบท้ายตราสารจัดตั้งโรงเรียน
หมวดที่ ๒
ข้อ ๕. โรงเรียนมัธยมสัมมาชีวศิลป บางพระ มีวัตถุประสงค์เพื่อ
( ๑
) ดำเนินการกิจโรงเรียน
ตามวัตถุประสงค์ของสัมมาชีวศิลปมูลนิธิเพื่ออุปการะเยาวชนและอุปการะบุคคลให้ได้รับการศึกษาและประกอบสัมมาอาชีพ
ตามคติของพระพุทธศาสนา
( ๒ )
จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในรูปแบบการศึกษาในระบบ ตามหลักสูตรระดับต่างๆ
ที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ระดับเตรียมอนุบาล, ปฐมวัย
ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา
( ๓ ) ให้การศึกษาอมรมเน้นหนักทางธรรมะ
เพื่อให้นักเรียนเกิดความศรัทธา เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตลอดจนอบรมให้รักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทย
( ๔ ) ให้การศึกษาอบรม เพื่อพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
ให้นักเรียนสามารถช่วยเหลือตนเองและอยู่ร่วมกับครอบครัว ชุมชน และสังคมอย่างมีความสุข
( ๕ ) ให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับการเรียนการสอนแก่ผู้เรียน
ครู ผู้ปกครอง และบุคลากรของโรงเรียน
( ๖ ) ส่งเสริมความเป็นเอกภาพและความรับผิดชอบร่วมกันผู้เรียน,
ผู้ปกครอง, ครู อย่างเป็นรูปธรรม
( ๗ ) ส่งเสริมการศึกษาวิจัยและประเมินผลเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
( ๘
) อุปการะนักเรียนที่ยากจน
ขาดแคลนทุนทรัพย์ ให้มีโอกาสรับการศึกษาจากโรงเรียน
( ๙
) ส่งเสริมสวัสดิการแก่ครู
นักเรียน และพนักงานของโรงเรียน
เพื่อให้เกิดความสำนึกดีในการประกอบสัมมาอาชีพ
( ๑๐ ) ให้บริการอื่นเพื่อสาธารณะประโยชน์
หรือร่วมมือในกิจกรรมการพัฒนาชุมชน องค์กรอื่น
( ๑๑ ) ไม่ดำเนินกิจการในทางแสวงหาผลประโยชน์ใด
ๆ เพื่อต้องการให้ได้มาซึ่งกำไรทางธุรกิจ
หมวดที่ ๓
ทุนทรัพย์ ทรัพย์สิน
และการได้มาซึ่งทรัพย์สิน
ข้อ ๖. ทรัพย์สินของโรงเรียนทุนเริ่มแรกคือ ทุนสำรองเริ่มแรกที่ได้รับจากสัมมาชีวศิลปมูลนิธิ ฯ
ในส่วนผู้รับใบอนุญาตตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน
พ.ศ.๒๕๕๐ คือ
( ๑ ) เงินสดตามบัญชีธนาคารกรุงไทย
สาขาชลบุรี บัญชีเลขที่ ๒๐๘-๑-๖๕๐๔๕-๒
จำนวน ๓,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท ( สามล้านบาทถ้วน )
( ๒ ) ส่วนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์
( ๒.๑ ) ที่ดินอันเป็นที่ตั้งโรงเรียนเนื้อที่ประมาณ ๑๕ ไร่
โฉนดเลขที่ ๙๑๖๐ เลขที่ดิน ๒๓๖ พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินได้แก่
( ๒.๒ ) อาคารเรียน ๒ หลัง ๑๒ ห้องเรียน
( ๒.๓ ) อาคาร พักครูและคนงาน จำนวน ๔ หลัง
( ๒.๔ ) สนามบาสเกตบอล และสวนเกษตร
( ๓ ) ตามข้อ ๖ ( ๒ ) เป็นกรรมสิทธิ์ของ
สัมมาชีวศิลปมูลนิธิ สำหรับจัดกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ของสัมมาชีวศิลปมูลนิธิในวันหยุดราชการ
และให้สิทธิเก็บกินแก่โรงเรียนมัธยมสัมมาชีวศิลป
เพื่อดำเนินการจัดการศึกษาตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ตลอดไปจนกว่าจะเลิกมูลนิธิฯ
แต่ไม่น้อยกว่าสิบปี
( ๔ ) ทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ ( ราคาประมาณ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท)
( ๕ ) เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ
( ๕.๑ ) สื่อการเรียนของเด็ก ( ตามบัญชีสื่อ
)
( ๕.๒ ) โสตทัศนูปกรณ์เพื่อการศึกษา ( ตามบัญชีโสตทัศนูปกรณ์ )
( ๕.๓ ) เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน ๒๓ เครื่อง
( ๕.๔ ) เครื่องถ่ายเอกสาร จำนวน ๑ เครื่อง
( ๕.๕ ) อุปกรณ์สำนักงานต่างๆ
(ตามบัญชีอุปกรณ์สำนักงาน)
( ๕.๖ ) เครื่องเล่นสนาม( ตามบัญชีเครื่องเล่นสนาม
)
( ๕.๗ ) อุปกรณ์การประกอบอาหารและเครื่องครัว
( ตามบัญชีอุปกรณ์ครัว )
( ๕.๘ ) หลักฐานเกี่ยวกับการประเมินผลการเรียนตามกฎหมาย
เป็นต้น เช่นต้นขั้วใบสุทธิ รบ.๑ รบ.๒ ต ๒ ก ตามบัญชีรายการเอกสารที่แนบ เป็นต้น
รวมราคาทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ ๑๓,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท ( สิบสามล้านบาทถ้วน )
ข้อ ๗.
โรงเรียนอาจได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยวิธีดังต่อไปนี้
( ๑ ) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้ยกให้โดยพินัยกรรมหรือนิติกรรมใดๆ
โดยมิได้มีเงื่อนไขผูกพันให้โรงเรียนสัมมาชีวศิลปต้องรับผิดชอบในหนี้สินหรือภาระผูกพัน
( ๒ )
เงินค่าใช้จ่ายรายบุคคลที่รัฐจ่ายให้แก่ผู้เรียน
( ๓ ) เงินที่ได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐ
( ๔ ) เงินที่ได้จากค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นๆ
( ๕ ) เงินหรือทรัพย์สินที่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ผู้บริจาคกำหนดไว้
( ๖ ) เงินจากการบริการต่างๆ
ของโรงเรียน เช่น การขายอาหาร ค่าขายเสื้อผ้าเครื่องใช้สำหรับนักเรียน
การขายสิ่งพิมพ์ สื่อประกอบการเรียนการสอน ค่ารถโรงเรียน การบริการด้านคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
( ๗ ) ดอกผลที่เกิดจากทรัพย์สินของโรงเรียน
( ๘ ) รายได้จากการจัดงานอื่น
( ๙ )
รายได้เนื่องจากการขายผลผลิตของโรงเรียน
( ๑๐ )
เงินที่ได้จากการบริการที่เกี่ยวเนื่องแก่ผู้ปกครอง
ครูและบุคคลกรในโรงเรียน
( ๑๑ )
รายได้ที่เกิดจากการบริหารทรัพย์สินในอนาคต
หมวดที่ ๔
ที่ปรึกษา ผู้อุปถัมภ์และผู้อุปการะโรงเรียน
ข้อ ๘.
ให้มีที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร ผู้อุปถัมภ์ และ ผู้อุปการะโรงเรียน
ดังนี้
( ๑ ) ให้กรรมการสัมมาชีวศิลปมูลนิธิฯ
ทุกคนเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารโรงเรียน
( ๒ ) ให้กรรมการกิตติมศักดิ์ทุกคนของสัมมาชีวศิลปมูลนิธิ
เป็นผู้อุปถัมภ์ของโรงเรียน
( ๓ ) ให้เจ้าของทุนบุญญนิธิ หรือ ทายาท
เป็นผู้อุปการะโรงเรียนนี้อีกด้วย
คณะกรรมการบริหารโรงเรียน
๑. ผู้แทนผู้รับใบอนุญาต
เป็นประธานกรรมการ
๒.
เลขาธิการสัมมาชีวศิลปมูลนิธิฯ
เป็นกรรมการ
๓. ผู้จัดการโรงเรียน
เป็นกรรมการ
๔. ผู้แทนผู้ปกครอง
๑ คน เป็นกรรมการ
๕. ผู้แทนครู ๑ คน เป็นกรรมการ
๖. ผู้ทรงคุณวุฒิ(อย่างน้อยหนึ่งคนแต่ไม่เกินสามคน)
เป็นกรรมการ
๗. ผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นกรรมการและเลขานุการ
คุณสมบัติ
การสรรหา และการพ้นจากตำแหน่ง
ของกรรมการบริหารโรงเรียน
ข้อ ๑๐. กรรมการบริหารโรงเรียนมีคุณสมบัติดังนี้
( ๑ ) มีสัญชาติไทย
( ๒ ) มีอายุไม่ต่ำกว่า ๒๕
ปีบริบูรณ์
( ๓ )
มีความรู้และประสบการณ์เหมาะสมกับกิจการของโรงเรียน
( ๔ ) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ
หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
( ๕ )
ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทหรือ
ความผิดลหุโทษ
( ๖ ) มีความประพฤติดี
ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม ไม่มีประวัติด่างพร้อยด้านการทุจริตประพฤติมิชอบ
( ๗ )
เป็นผู้เลื่อมใสศรัทธายึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง
( ๘ ) เป็นนักพัฒนา เป็นผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ต่อบุคคลทั่วไปและเป็นผู้เสียสละสามารถอุทิศเวลาในการบริหารโรงเรียน
( ๙ ) เป็นผู้ศรัทธา สนับสนุน การดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของสัมมาชีวศิลปมูลนิธิฯ
ข้อ ๑๑ ให้คณะกรรมการสัมมาชีวศิลปมูลนิธิฯ แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหากรรมการบริหารโรงเรียน ขึ้นคณะหนึ่งจำนวน ๓ คน ทำหน้าที่สรรหาผู้มีความรู้และความสามารถเป็นกรรมการบริหาร ในส่วนที่เป็น ผู้แทนครู ผู้แทนผู้ปกครองและผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ เท่า เพื่อเสนอให้คณะกรรมการสัมมาชีวศิลปมูลนิธิฯ เลือกให้เหลือตามจำนวนที่กำหนดไว้ในข้อ ๙
ข้อ ๑๒ กรรมการบริหารโรงเรียนที่มิใช่กรรมการโดยตำแหน่งให้มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ ๒ ปี กรรมการบริหารที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับการแต่งตั้งได้อีก
ข้อ ๑๓. กรรมการบริหารของโรงเรียนพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
( ๑ ) ถึงคราวออกตามวาระ
( ๒ ) ตายหรือลาออก
( ๓ ) พ้นจากตำแหน่งหน้าที่หรือเกษียณอายุการทำงานสำหรับผู้เป็นกรรมการบริหารโดยตำแหน่ง
( ๔ ) ขาดคุณสมบัติตามตราสาร ข้อ ๑๐
( ๕ ) พ้นจากสถานภาพการเป็นผู้ปกครองนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่
( ๖ ) ขาดการประชุมติดต่อกันสามครั้งโดยไม่มีเหตุอันสมควร
( ๗ ) ที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารโรงเรียน
และคณะกรรมการสัมมาชีวศิลปมูลนิธิ
มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่ง หนึ่งของจำนวนกรรมการที่มีอยู่ของทั้งสองคณะให้ออก
เพราะบกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติและปฏิบัติตนเป็นที่เสื่อมเสีย หรือกระทำการให้เกิดความเสียหายแก่การดำเนินกิจการโรงเรียน
ข้อ ๑๔ ในกรณีที่กรรมการบริหาร ซึ่งมิใช่กรรมการโดยตำแหน่งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้กรรมการบริหารที่เหลืออยู่
แต่งตั้งบุคคลอื่นผู้มีคุณสมบัติเป็นกรรมการแทน และ
ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง อยุ่ในตำแหน่งเท่าวาระของผู้ที่ตนแทน
การประชุม และลงมติ
ข้อ ๑๕ คณะกรรมการบริหารโรงเรียนต้องจัดให้มีการประชุมอย่างน้อยภาคเรียนละ
๑ ครั้ง
ข้อ ๑๖ ประธานคณะกรรมการบริหารโรงเรียน
มีหน้าที่ต้องจัดให้มีการดำเนินการประชุม โดยการประชุม
ต้องมีกรรมการมาร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด
จึงจะเป็นองค์ประชุม
ข้อ ๑๗ ให้ประธานคณะกรรมการบริหารเป็นประธานในที่ประชุม
ถ้าประธานคณะกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งที่มาประชุมทำหน้าที่ประธานที่ประชุม
ข้อ ๑๘
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก
กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงในการลงคะแนนหนึ่งเสียง
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
ข้อ ๑๙
การประชุมเพื่อลงมติพิเศษให้กระทำโดยมีกรรมการบริหารโรงเรียนเข้าประชุมไม่น้อยกว่า
๒ ใน ๓ ของจำนวนกรรมการทั้งหมดและมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓
ของจำนวนกรรมการที่เข้าประชุม
หมวดที่
๘
อำนาจหน้าที่ของผู้บริหารโรงเรียน
ข้อ ๒๐. ผู้แทนผู้รับใบอนุญาต มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
( ๑ ) เป็นผู้ทำการแทนโรงเรียนในการทำนิติกรรมกับหน่วยงานหรือบุคคลภายนอก
หรืออาจมอบ
หมายให้ผู้จัดการ หรือผู้อำนวยการเป็นผู้ทำการแทนก็ได้
( ๒ ) เป็นประธานกรรมการบริหารโรงเรียน
ข้อ ๒๑. ผู้จัดการ มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
( ๑ ) ดูแลรับผิดชอบงานด้านการเงิน การบัญชีและงบประมาณของโรงเรียนตามมาตรฐานการบัญชี
( ๒ ) ดูแลรับผิดชอบด้านการบริหารงานทั่วไปของโรงเรียน
เช่น วางระเบียบและควบคุมการทำงาน ของเจ้าหน้าที่ด้านธุรการ นักการภารโรง คนงาน คนครัว คนขับรถ และแม่บ้าน โดยผู้จัดการร่วมกับผู้อำนวยการ
ร่วมกันดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับงานจัดซื้อ จัดจ้าง
จัดการดูแลรับผิดชอบอาณาบริเวณ
อาคารสถานที่และสภาพแวดล้อมของโรงเรียนด้านรักษาความสะอาด พัฒนาซ่อมแซมความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัย
( ๓ ) ปฏิบัติหน้าที่อื่นอันเกี่ยวกับการบริหารงานตามตราสารจัดตั้ง นโยบาย ระเบียบ และข้อบังคับ
โรงเรียนและหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
( ๔ ) มีอำนาจสั่งจ่ายเงินในการบริหารกิจการตามหน้าที่
นอกเหนือจากงบประมาณปกติประจำ
เดือน หรือตามที่คณะกรรมการบริหารได้อนุมัติ ได้ครั้งละไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท(ห้าพันบาท
ถ้วน)ถ้าเกินกว่าจำนวนดังกล่าวจะต้องได้รับอนุมัติจากประธานกรรมการบริหารเป็นครั้งคราว
( ๕ ) ปฏิบัติงานอื่นๆ
ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารโรงเรียน
ข้อ ๒๒. ผู้อำนวยการ มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
( ๑ ) ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับงานวิชาการของโรงเรียน
( ๒ ) แต่งตั้งถอดถอนครู บุคลากรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่ของโรงเรียน
โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารโรงเรียน
( ๓ )
ควบคุมปกครองครู
บุคลากรทางการศึกษาและนักเรียน
( ๔ ) จัดทำทะเบียนครู บุคลากรที่เกี่ยวกับการศึกษา
นักเรียนและเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการศึกษา
( ๕ ) จัดทำหลักฐานเกี่ยวกับการวัดผลประเมินผลการเรียน
( ๖ ) ปฏิบัติหน้าที่อันเกี่ยวกับวิชาการตามระเบียบและข้อบังคับของทางราชการรวมทั้งตราสาร
จัดตั้ง
นโยบาย
ระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน
และหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราช-
-บัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.๒๕๕๐ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
( ๗ ) ปฏิบัติงานอื่นๆตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารโรงเรียน
หมวดที่ ๙
อำนาจหน้าที่คณะกรรมการบริหารโรงเรียน
ข้อ ๒๓. คณะกรรมการบริหารโรงเรียน มีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา
๓๑ มาตรา ๔๔ และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ ดังนี้
( ๑ ) กำหนดนโยบายที่ตอบสนองวัตถุประสงค์ของ
สัมมาชีวศิลปมูลนิธิและของโรงเรียน
( ๒ ) ออกระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ของโรงเรียน
( ๓ ) ให้ความเห็นชอบนโยบาย
แผนการศึกษา และโครงการต่างๆของโรงเรียน
( ๔ ) ให้คำแนะนำการบริหารและจัดการโรงเรียนด้านบุคลากร แผนงาน งบประมาณ วิชาการ
กิจการนักเรียน
อาคารสถานที่
และความสัมพันธ์กับชุมชน
( ๕ ) กำกับดูแลให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในโรงเรียน
( ๖ ) ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการ
( ๗ ) ให้ความเห็นชอบกำหนดค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นของโรงเรียน
( ๘ ) ให้ความเห็นชอบในการกู้ยืมเงินครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันเกินร้อยละสิบห้าของมูลค่า
ทรัพย์สินที่โรงเรียนมีอยู่ในขณะนั้น
เพื่อประโยชน์ของการดำเนินกิจการโรงเรียน
( ๙ ) ให้ความเห็นชอบรายงานประจำปี งบการเงินประจำปี และการแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี
( ๑๐ ) พิจารณาคำร้องทุกข์ของครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง และนักเรียน
( ๑๑ )
ดำเนินการจัดสรรผลกำไรที่ได้จากการดำเนินกิจการของโรงเรียนในแต่ละปี เข้ากองทุน
ส่งเสริมโรงเรียน กองทุนสำรอง กองทุนอื่นและจัดสรรให้สัมมาชีวศิลปมูลนิธิฯ
ตามที่
บัญญัติไว้ในมาตรา ๔๕
( ๑๒ )
ให้ความเห็นชอบในการขอเปลี่ยนแปลงรายการในรายละเอียดเกี่ยวกับกิจการโรงเรียน
( ๑๓ )
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหนึ่งในการดำเนินงานของโรงเรียน
ตามที่คณะกรรมการบริหารมอบหมาย
( ๑๔ ) ดำเนินการอื่นตามที่กฎหมายระบุให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารโรงเรียน
หมวดที่
๑๐
ระเบียบการของโรงเรียน
ข้อ ๒๔
ระเบียบการเกี่ยวกับการรับสมัครนักเรียน
( ๑ ) รับสมัครนักเรียนทั้งชายและหญิง
( ๒ ) อายุอย่างต่ำตั้งแต่ ๒ ปี
อย่างสูงไม่เกิน ๑๖ ปี
( ๓ )
ต้องมีผู้ปกครองหรือบิดามารดา นำมาฝากด้วยตนเอง
นักเรียนที่มาจากโรงเรียนอื่นต้องมี
เอกสารทางการศึกษาจากโรงเรียนเดิมมาแสดง
ข้อ ๒๕ หลักฐานการสมัคร
( ๑ ) สำเนาสูติบัตร
(
๒ ) สำเนาทะเบียนบ้าน
(
๓ ) หลักฐานการเรียน
( ๔ ) ภาพถ่ายนักเรียนขนาด ๓ x ๔ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป
ข้อ ๒๖
การจำหน่ายนักเรียน
( ๑ ) เมื่อเรียนจบหลักสูตร
( ๒ ) เมื่อสมัครใจลาออก,
ตาย
ข้อ ๒๗
เวลาเรียน
(
๑ ) เริ่มตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ น.
ถึงเวลา ๑๕.๐๐ น.
( ๒ ) ทำการสอนตั้งแต่วัน จันทร์ ถึง วันศุกร์
( ๓ ) พักกลางวันเวลา ๑๒.๐๐
น. ถึง ๑๓.๐๐ น.
( ๔ ) ภาคเรียนที่
๑ เปิดเรียนตั้งแต่วันที่ ๑๖
พฤษภาคม ถึงวันที่ ๑๑ ตุลาคม
ภาคเรียนที่ ๒ เปิดเรียนตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๑ เมษายน
ข้อ ๒๘
วันหยุด หยุดวันเสาร์ วันอาทิตย์ วันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์
ข้อ ๒๙
การแต่งกายนักเรียน
ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน หรือข้อบังคับ
หรือข้อกำหนดโรงเรียนว่าด้วยการแต่งกายของนักเรียนที่ได้รับอนุญาตตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน
หมวดที่ ๑๑
การบริหารการเงินและบัญชี
ข้อ ๓๐ . ประธานกรรมการบริหารโรงเรียน
ในกรณีที่ทำหน้าที่แทนผู้รับใบอนุญาต มีอำนาจสั่งจ่าย
นอกเหนือจากงบประมาณปกติประจำเดือน
ตามคำขอของผู้จัดการคราวละไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท(สามหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่าจำนวนดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารโดยเสียงข้างมาก
เว้นแต่ในกรณีจำเป็นและเร่งด่วนให้อยู่ในดุลพินิจของประธานกรรมการบริหารที่อนุมัติให้จ่ายได้แล้วต้องรายงานให้คณะกรรมการบริหาร
ทราบในการประชุมคราวต่อไป
ข้อ ๓๑. หัวหน้าบัญชีและการเงินโรงเรียนมีอำนาจเก็บรักษาเงินสดได้ครั้งละไม่เกิน ๑๐,๐๐๐
บาท( หนึ่งหมื่นบาทถ้วน)
ข้อ ๓๒. เงินสดของโรงเรียนและเอกสารสิทธิต้องนำฝากไว้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินของรัฐหรือของเอกชน
ที่กรรมการบริหารเห็นว่ามีความมั่นคงและมีผลประโยชนตอบแทนสูง
ข้อ ๓๓. ในการจ่ายแต่ละครั้งต้องมีลายมือชื่อของประธานกรรมการบริหาร หรือ
ผู้อำนวยการ หรือผู้แทนของบุคคลดังกล่าว และ ผู้จัดการ เป็นผู้เบิกถอน
ข้อ ๓๔. การใช้จ่ายจากเงินทดรองจ่าย
สำหรับจัดกิจกรรมพิเศษ
เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของโรงเรียน ให้เบิกจ่ายตามระเบียบที่กำหนดโดยคณะกรรมการบริหาร
ข้อ ๓๕. กิจกรรมพิเศษเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และมีค่าใช้จ่ายสูงเกินวงเงินงบประมาณที่จัดทำไว้ อาจดำเนินได้โดยขอรับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเป็นกรณีพิเศษก่อน
ข้อ ๓๖ . ให้คณะกรรมการบริหาร กำหนดระเบียบเกี่ยวกับเงิน การบัญชี
และทรัพย์สินของโรงเรียน
ตลอดจนกำหนดหน้าที่ต่างๆเกี่ยวกับการรับและจ่ายเงินนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ
ข้อ ๓๗. กำหนดปีบัญชีของโรงเรียน ให้ถือวันที่ ๓๐
เดือนเมษายน เป็นวันสิ้นสุดของปี
ข้อ ๓๘. ให้โรงเรียนจัดทำงบรายได้และค่าใช้จ่ายและงบดุลประจำปีของโรงเรียนทุกปี
ข้อ ๓๙. การเปลี่ยนแปลง
ปรับปรุงงบประมาณประจำปีของโรงเรียนจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารโรงเรียน
ข้อ ๔๐.
งบดุลประจำปีของโรงเรียนจะต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริหารโรงเรียน
ข้อ ๔๑. ผู้สอบบัญชีซึ่งคณะกรรมการบริหารเห็นชอบและแต่งตั้งต้องมาจากบุคคลซึ่งมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่อื่นของโรงเรียน
โดยจะให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาหากช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าจ้างทำหรือให้ได้รับค่าตอบแทนอย่างไรสุดแต่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจะกำหนด
ข้อ ๔๒. ผู้สอบบัญชีมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของโรงเรียนและรับรองงบดุลประจำปีที่คณะกรรมการบริหารรับรอง เพื่อส่งรายงานต่อกระทรวงศึกษาธิการ หรือกระทรวงการคลัง(กรมสรรพากร) ผู้สอบบัญชีมีสิทธิตรวจสอบบัญชีและเอกสารที่เกี่ยวข้องตลอดจนสอบถามผู้รับผิดชอบ
และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนในเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับการเงิน
การบัญชีและเอกสารดังกล่าว
หมวดที่
๑๒
การแก้ไขเพิ่มเติมตราสาร
ข้อ ๔๓. การแก้ไขเพิ่มเติมตราสาร จะกระทำได้โดยที่ประชุมกรรมการบริหาร ซึ่งต้องมีกรรมการบริหารเข้าประชุม
ไม่น้อยกว่า สามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด
และมติให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมตราสารต้องประกอบด้วยคะแนนเสียง
ไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการที่เข้าร่วมประชุม
หมวดที่
๑๓
การเปลี่ยนสภาพอสังหาริมทรัพย์
ข้อ ๔๔. ในกรณีที่โรงเรียนประสงค์จะเปลี่ยนสภาพอสังหาริมทรัพย์ พึงกระทำได้ดังนี้
(
๑ ) ทรัพย์สินของโรงเรียนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งได้รับมาจากสัมมาชีวศิลปมูลนิธิ หรือผู้
ศรัทธาบริจาคให้จะดำเนินได้ จะต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการสัมมา
ชีวศิลปมูลนิธิได้พิจารณาเห็นเป็นการสมควรและอนุมัติให้ดำเนินการตามมตินั้น
( ๒ ) ทรัพย์สินของโรงเรียน
ซึ่งได้มาจากทุนทรัพย์ เงินอุดหนุนจากรัฐ หรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ
ของโรงเรียนเอง หากที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร
พิจารณาเห็นเป็นการเหมาะสมและ
อนุมัติให้ดำเนินการ
โดยมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของคณะกรรมการบริหาร
โรงเรียนทั้งหมด
ให้ดำเนินการไปตามมตินั้น
หมวดที่
๑๔
การเลิกกิจการโรงเรียน
ข้อ ๔๕
การเลิกกิจการโรงเรียนจะต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่าสามในสี่ของคณะกรรมการบริหารของโรงเรียน
และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสัมมาชีวศิลปมูลนิธิ
ข้อ ๔๖. ให้คณะกรรมการบริหารโรงเรียนแต่งตั้งผู้จัดการและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเป็นผู้ชำระบัญชีเพื่อเลิกกิจการโรงเรียน
ข้อ ๔๗
การเลิกกิจการโรงเรียนต้องยื่นคำขอล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันก่อนสิ้นปีการศึกษาและให้ผู้รับใบอนุญาต
ผู้อำนวยการและผู้จัดการ ส่งมอบหลักฐานการวัดผลปรเมินผลของโรงเรียนให้แก่ผู้อนุญาเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ
ข้อ ๔๘. ถ้าโรงเรียนต้องเลิกล้มไปโดยมติของคณะกรรมการบริหาร หรือโดยเหตุใดก็ตาม
ทรัพย์สินของโรงเรียน ที่เหลืออยู่ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่สัมมาชีวศิลปมูลนิธิ
ตามระเบียบที่ราชการกำหนด
ข้อ ๔๙. การสิ้นสุดของโรงเรียนนั้นนอกจากกฎหมายบัญญัติไว้แล้ว
ให้โรงเรียนเป็นอันสิ้นสุดลงโดยมิต้องให้ศาลสั่งเลิกด้วยเหตุดังต่อไปนี้
( ๑ ) เมื่อโรงเรียนได้รับการควบคุมจากทางราชการและสั่งให้เลิกกิจการตามกฎหมาย
( ๒ ) เมื่อกรรมการบริหารมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกเลิก
( ๓ ) เมื่อโรงเรียนไม่อาจหากรรมการบริหารได้ครบตามจำนวนกรรมการที่กำหนดไว้ในตราสาร
( ๔ ) เมื่อโรงเรียนไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆ
หมวดที่
๑๕
เบ็ดเตล็ด
ข้อ ๕๐ การจำหน่ายของสูญหาย
หรือชำรุด สินทรัพย์ถาวรที่จัดหาจากเงินรายรับของโรงเรียนให้คณะกรรมการบริหารโรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการอย่างน้อยสามคนประกอบด้วย
ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้กระทำการแทนผู้รับใบอนุญาต ผู้อำนวยการและผู้จัดการ
เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินที่สูญหายหรือชำรุด เสื่อมสภาพ หมดอายุการใช้งานแล้วรายงานคณะกรรมการบริหารโรงเรียนเพื่อขออนุมัติจำหน่าย
ข้อ ๕๑ การตีความในตราสารจัดตั้งโรงเรียน
หากเป็นที่สงสัยให้คณะกรรมการบริหารของโรงเรียนร่วมประชุมพิจารณาโดยเสียงข้างมากของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่มีอยู่เป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ ๕๒ ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยนิติบุคคลมาใช้บังคับในเมื่อตราสารของโรงเรียนไม่ได้กำหนดไว้
ประกาศ ณ วันที่
พ.ศ.
๒๕๕๓
ลงชื่อ
(
นายสารวิบุล
รามโกมุท )
ผู้แทนผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนมัธยมสัมมาชีวศิลป บางพระ