อัจจยสูตร
พระไตรปิฎก เล่มที่ 20
[๔๔๓]
๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยความจริง
๓ ประการ
พึงทราบว่าเป็น คนพาล ความจริง ๓ ประการเป็นไฉน คือ
- ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ
๑
- เห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้ว แต่ไม่ทำคืนตามความจริง
๑
-
เมื่อผู้อื่นชี้โทษอยู่
ไม่รับรู้ตามความจริง ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยความจริง ๓
ประการนี้แล พึงทราบว่าเป็นคนพาล
อกุสลสูตร
[๔๔๕]
๖. ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่าเป็นคนพาล ๓
ประการเป็นไฉน คือ กายกรรมเป็นอกุศล ๑ วจีกรรมเป็นอกุศล ๑ มโนกรรมเป็นอกุศล ๑
[๒๘๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด พวกโจรมีกำลัง
สมัยนั้นพระเจ้าแผ่นดินย่อมถอยกำลัง ในสมัยเช่นนั้น
พระเจ้าแผ่นดินย่อมไม่สะดวกที่จะเสด็จผ่านไป
แม้พวกพราหมณ์และคฤหบดีก็ไม่สะดวกที่จะผ่านไป จะออกไปหรือเพื่อตรวจตราการงานภายนอก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
สมัยใดพวกภิกษุเลวทรามมีกำลัง สมัยนั้น พวกภิกษุที่มีศีลเป็นที่รักย่อมถอยกำลัง ในสมัยเช่นนั้น
ภิกษุพวกที่มีศีลเป็นที่รัก เป็นผู้นิ่งเงียบทีเดียว
นั่งในท่ามกลางสงฆ์
ข้อนี้นั้นย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์ของชนมาก เพื่อมิใช่สุขของชนมาก
เพื่อความฉิบหาย เพื่อมิใช่ประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก
เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด พระเจ้าแผ่นดินมีกำลัง
สมัยนั้น พวกโจรย่อมถอยกำลัง ในสมัยเช่นนั้น
พระเจ้าแผ่นดินย่อมสะดวกที่จะเสด็จผ่านไป เสด็จออกไป
หรือที่จะออกคำสั่งไปยังชนบทชายแดน ในสมัยเช่นนั้น แม้พวกพราหมณ์และคฤหบดีย่อมสะดวกที่จะไป
ออกไป หรือตรวจการงานภายนอก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ฉันนั้นเหมือนกัน สมัยใด พวกภิกษุที่มีศีลเป็นที่รัก มีกำลัง สมัยนั้น
พวกภิกษุที่เลวทราม ย่อมถอยกำลัง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในสมัยเช่นนั้น พวกภิกษุที่เลวทราม
เป็นผู้นิ่งเงียบทีเดียว นั่งในท่ามกลางสงฆ์ หรือออกไป ทางใดทางหนึ่ง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ของชนมาก เพื่อสุขของชนมาก
เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ