อาลัยท่านอาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส 

เขียนและเรียบเรียงโดย นายมนัส  ศรีเพ็ญ เลขาธิการสัมมาชีวศิลปมูลนิธิฯ

 

อาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2465 ณ บ้านตรอกสลักหิน หัวลำโพง บิดาชื่อ นายฟื้น โกมลภิส มารดาชื่อ นางเยื้อน โกมลภิส   ( สุจริตพงศ์ )  มีบ้านอยู่ที่ 112/9 ซอยรางน้ำ ถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400  มีพี่น้องรวมด้วยกัน 10 คน มีน้องชายที่ใกล้ชิดคือ คุณธงชัย  โกมลภิส ที่ได้เสียชีวิตก่อนเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2548 ที่ผ่านมา   ช่วงนั้นมีน้องที่ยังมีชีวิตอยู่ 2 คน เป็นชายชื่อคุณนคร  โกมลภิส อยู่85/81 หมู่บ้านวังบัวตอง ถนนเชียงใหม่-แม่โจ้ ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ 50210 2ประกอบธุรกิจ บริษัท นิด้า ฟาร์มา อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด และหญิงคนเล็กชื่อ คุณสุมณฑา  สิทธิพิพัฒน์ อยู่ที่ 155/48 หมู่บ้าน แสงรุ่งเรือง 2  หมู่ 7 ถนนธนะวิดี  อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

อาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส  ได้รับการอุปการจากคุณน้าพยุง การสุทธิ์ ให้ได้รับการศึกษาในวิทยาลัยพยาบาล สภากาชาดไทย  หลังจากสำเร็จการศึกษาก็ได้ทำงานพยาบาลไปประจำยังจังหวัดต่างๆ สุดท้ายได้ทำสถานรับเลี้ยงเด็กอ่อนและบริการจัดหาพยาบาลที่ซอยรางน้ำ เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร และได้อุปการคุณกฤษฎ์ เยาวสิทธ( พระกฤษฎ์ ปญญาวุโธ ) ที่บวชอยู่วัดบางนา ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี ให้เป็นบุตรบุญธรรม มาตั้งแต่อายุได้ประมาณ 2 ขวบ รวมทั้งเด็กอีกหลายคน เช่น คุณจิ้มลิ้ม อยู่จังหวัดกำแพงเพชร ..........

อาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส เป็นผู้มีความยึดมั่นในอุดมคติวิชาชีพพยาบาลและสภากาชาด คือ มนุษยธรรม, ความไม่ลำเอียง, ความเป็นกลาง, ความเป็นอิสระ, บริการอาสาสมัคร, ความเป็นเอกภาพ, ความเป็นสากล, รักเด็ก, รักชาติ, ศาสนาและพระมหากษัตริย์อย่างมั่นคงมาตลอด จนกลายเป็นหญิงเหล็กในสายตาผู้พบเห็น อาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส มีชีวิตการทำงานที่เสี่ยงภัยมาตลอดตั้งแต่ทำหน้าที่เป็นพยาบาลในถิ่นกันดารต่างจังหวัดและจากภาวะสงครามโลกครั้งสุดท้ายที่ประเทศไทยต้องจำยอมให้ทหารต่างชาติเข้ามาในประเทศ ซึ่งต่อมาเมื่อหันมาทำอาชีพพยาบาลส่วนตัวเปิดสถานบริการดูแลเด็กอ่อนและจัดหาพยาบาลก็ทราบว่าถูกรังแกจากพวกมิจฉาชีพ จนต้องเลิกกิจการ........

อาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส ได้มีศรัทธาต่อวัตถุประสงค์ของสัมมาชีวศิลปมูลนิธิฯ จากที่ได้ติดตามฟังการบรรยายของคุณหลวงปริญญาโยควิบูล ในด้านการให้การศึกษาแก่เยาวชนไทยให้เป็นผู้มีศีลธรรมตามคำสอนในพระพุทธศาสนาและได้เข้ามาสนับสนุนมูลนิธิมายาวนานก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเข้าเป็นกรรมการบริหารสัมมาชีวศิลปมูลนิธิฯ เมื่อ พ.ศ. 2521 ที่มีศาสตราจารย์ ดร. ดุสิต  พานิชพัฒน์ (ประธาน) ศาสตราจารย์ ฐะปะนีย์ นาครทรรพ ,  นายสนั่น  เอกพจน์,  นายชลิต  สันตกุล  เป็นกรรมการ

อาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส  จึงนับได้ว่าท่านได้เป็นผู้บุกเบิกการบริหารกิจการสัมมาชีวศิลปมูลนิธิฯ มายาวนานกว่า 28  ปี  เริ่มจากได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการโรงเรียนมัธยมสัมมาชีวศิลป บางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2531 และเพื่อให้การบริหารโรงเรียนเป็นไปด้วยความสะดวกเรียบร้อยกรรมการสัมมาชีวศิลปมูลนิธิจึงแต่งตั้งอาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส  เป็นผู้แทนผู้รับใบอนุญาต โรงเรียนมัธยมสัมมาชีวศิลปแทนคุณดุสิต พานิชพัฒน์ เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2540 เป็นต้นมา 

จากการเสียสละลงไปบริหารโรงเรียนที่มีพื้นที่ 57 ไร่เศษ ซึ่งระยะนั้นการติดต่อและเดินทางลำบาก มีครูนักเรียนไม่มากเหมือนปัจจุบัน อาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส  ได้กล่าวถึงช่วงแรกที่อาสาไปเป็นผู้จัดการโรงเรียนมัธยมสัมมาชีวศิลป บางพระว่า มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งกล่าวเตือนด้วยเป็นห่วงว่า “เธอจะไปสู่กับเขาไหวหรือ ? ” ก็ไม่ทราบว่า คำว่า “เขา ”  นั้นหมายถึงบุคคลหรือความกันดารของพื้นที่..?  แต่ต่อมาก็ได้พบว่าท่านต้องต่อสู่ทั้งบุคคลและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ จนท้ายสุดท่านได้กล่าวว่า “ เราทำจนเจริญก้าวหน้าจึงมีผู้อยากได้และจะเข้ามาบริหารที่นี้ ”  ซึ่งสอดคล้องกับคำพูดของพระอาจารย์ เอ สุมนรัตนะ แห่งวัดท้ายดอน ( ระหว่างช่วงท่านอาจารย์ศรีนครฯ ได้มีความเห็นขัดแย้งกับคณะพัฒนาที่ผ่านมาเมื่อ พฤษภาคม 2541  ) “ ว่าต่อไปโรงเรียนแห่งนี้จะเป็นที่ปรารถนาของผู้แสวงประโยชน์ธุรกิจทางโลกมากขึ้นจากที่ดินที่มีราคาสูงขึ้น ” และเรื่องร้ายก็ผ่านไปเพราะยังมีกรรมการสัมมาชีวศิบปมูลนิธิฯบางคนยังเห็นผลงานการบริหารและการพัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับในตำแหน่งผู้จัดการโรงเรียนฯของอาจารย์ศรีนครและได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นที่ 5 เบญจมดิเรกคุณาภรณ์ ............

ต่อมาในช่วงหลังอาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส  ต้องเผชิญกับแนวคิดใหม่ๆ จากกระแสวัตถุนิยมในสังคมปัจจุบันและบุคคลที่มีอำนาจเกี่ยวข้อง จึงกลายเป็นปัญหาขัดแย้งทางความคิดทำให้อาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส  กลายเป็นคนเงียบและซึมเศร้า จากที่เคยเป็นหญิงเหล็กเข้มแข้งมาจนอายุ 83 ปี กลายเป็นคนสุขภาพอ่อนแอ  จนเมื่อครบรอบวันเกิดอายุ 84 ปี  อาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส  ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจุฬาด้วยโรคหัวใจและถึงแก่กรรม ณ โรงพยาบาลจังหวัดลำปาง   เมื่อเวลา 00.05 น. ของเช้าวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2549  รวมสิริอายุได้ 84 ปี 10 วัน.................

ทำไมอาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส  ต้องไปเสียชีวิตที่จังหวัดลำปาง..? ทั้งๆที่ท่านมีชีวิตและจิตใจฝังแน่นและต่อสู่อยู่กับโรงเรียนมัธยมสัมมาชีวศิลป บางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จนคุณหลวงปริญญาโยควิบุล ได้เห็นและสร้างบ้านชมอุทิศ เพื่อให้เป็นที่พักอาศัยแก่อาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส  ขึ้นโดยเฉพาะจากที่ต้องอยู่ในบ้านพักครูเล็กๆ ร่วมกันกับครูใหญ่ ??????  

ทำไมอาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส  ต้องห่างถิ่นที่เคยอยู่เคยพัฒนามาด้วยมือตน แต่ต้องเข้าไปเป็นผู้อาศัยต่างถิ่น...???   หรือด้วยบุญที่ท่านได้ทำมาในการมีจิตอาสาช่วยเหลือสังคม วาระสุดท้ายของท่านจึงได้ไปอยู่ในสังคมและกลุ่มคนที่มีธรรมะ ตั้งแต่ผู้มีน้ำใจที่เป็นกุศลของเจ้าของบ้าน คุณพ่อหนานยืนและแม่เล็ก  คำเมืองใจธรรม  ที่ให้ที่พักอาศัยแก่อาจารย์ศรีนคร ฯ ยามที่ท่านต้องประสบปัญหาอ่อนแอทางสุขภาพ  ทั้งๆที่ มิได้รู้จักใกล้ชิดหรือเป็นญาติกับอาจารย์ศรีนครมาก่อน ฯ
แต่ด้วยเพราะคุณกฤษฎ์  เยาวสิทธ ผู้เป็นบุตรบุญธรรมของอาจารย์ศรีนคร ฯ ที่ต้องลาสิขาบทออกมาจากวัดบางนา จังหวัดนนทบุรี เพื่อออกมาดูแลผู้มีพระคุณและได้นำมาฝากไว้ที่บ้านดังกล่าว  และคงอาจด้วยนามสกุลของท่านเจ้าของบ้านที่ได้ชื่อว่า
“ คำเมืองใจธรรม  ”   อีกทั้งความสามัคคี สมานฉันท์  และน้ำใจไมตรี อันเป็นกุศลใสสะอาดของบรรดาชาวบ้านดอนธรรม ที่เสียสละความสุขส่วนตัวได้มาร่วมกันจัดการบำเพ็ญกุศลฟังสวดพระอภิธรรมและร่วมฌาปนกิจศพอาจารย์ศรีนคร ฯ เมื่อเวลา 13.00 น.วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2549  ณ สุสานบ้านดอนธรรม อย่างสมเกียรติและอุ่นหนาฝาคั่งยังกับเป็นญาติผู้ใหญ่ของเขาเหล่านั้นมานยาวนาน ทั้งๆที่ อาจารย์ศรีนครฯ ได้เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านได้เพียง 3 วันก่อนถึงแก่กรรม เขาเหล่านั้นไม่เคยรู้จักมาก่อนว่าอาจารย์เป็นใคร เพียงแต่รู้ว่าเป็นศพผู้ใหญ่ ที่อยู่ในบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านเท่านั้น ก็เพราะเขาคือ  “ ชาวบ้านดอนธรรม ”  ที่ผมได้มีโอกาสได้พบจากที่ไปร่วมบำเพ็ญกุศลสวดศพตั้งแต่วันแรกจนถึงวันฌาปนกิจศพ.

 ในนามสัมมาชีวศิลปมูลนิธิ ขอเชิญผู้ที่เคารพศรัทธาอาจารย์ศรีนคร ฯ  ได้ร่วมกันตั้งจิตอธิษฐาน ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่อาจารย์ได้บูชาเทิดทูลอยู่ตลอดลมหายใจ จงเป็นพลวปัจจัยหนุ่นส่งให้ดวงวิญญาณของท่านอาจารย์ศรีนคร  โกมลภิส จงไปสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญ.........             

 -----------------------------------------------------------------------------------------------------