นิราศร่ำ-หนีน้ำท่วม

29 ธ.ค.54

 

 

                  เกรงจะลืม  เรื่องราว  คราวนิราศ

 

เมื่อเผ่นผาด  โผดโผน  กระโจนหนี

ต้องทิ้งบ้าน  ซานซม  จมวารี

 

ไปหลบลี้  หนีทุกข์  ที่บุกโบม

มีน้ำเหนือ  เหลือล้น  ท่วมท้นบ่า

 

ท้องทุ่งนา  คงคาคร่ำ  กระหน่ำโหม

ปิง ยม น่าน  ผ่านจังหวัด  ซัดตระโบม

 

สนั่นโครม  คลื้นคล้าม  นองน้ำตา

ภัยกระหน่ำ  ธรรมชาติ  อุบาทว์สุด

 

ที่มนุษย์  บุรุษหยาบ  ใจบาปหนา

มันยื้อแย้ง  แห่งเรื่อง  การเมืองมา

 

ไม่สงสาร  ชาวประชา  ตาดำดำ

เป็นความเศร้า  เร้าลึก  นึกไม่ถึง

 

มารทะลึ่ง  ป่นปี้  ขยี้หยำ

ปีห้าสี่  มีบันทึก  จารึกจำ

 

กฎแห่งกรรม  ตามสนอง  ต้องตามเกณฑ์

                เสียงสูบน้ำ  ป้องกัน  วันที่ยี่สิบห้า

 

เดือนตุลา  หน้าบ้านพัก  ขะมักเขม้น

พุ่งกระฉูด  ดูดกู้  จากรูเล็น

 

เสียงกระเซ็น  เสาะซ่า  ว่าต้องยอม

เขาหยุดเครื่อง  เปลืองน้ำมัน  ในวันรุ่ง

 

น้ำก็พุ่ง  กระเพื่อมเพลิน  เดินแป๋มป๋อม

เมื่อดอนเมือง  จะท่วมได้  ใครก็ยอม

 

ตระเตรียมพร้อม  ไว้สรรพ  เพื่อรับมือ

กระสอบทราย  ซิลิโคน  พลาสติก

 

พ่อค้าพลิก  ขึ้นราคา  ไม่อ๋าอื๋อ

เป็นตลาด  ของผู้ขาย  อยู่ในมือ

 

ใครไม่ซื้อ  ฉันไม่ว่า  ข้าขอรวย

พอมีแรง  แข็งข้อ  ก็ขอยก

 

หาที่บก  ยกหีบ  เข้าหยิบฉวย

เมื่อเหนื่อยนัก  ก็พักผ่อน  อ่อนระทวย

 

ขาที่ป่วย  มาช่วยซ้ำ  ช่างหนำใจ   

                ๏ มีพันธะ  ธรรมะส่อง  ต้องถวิล

 

เจ้าภาพกฐิน  ค่ายสุรสีห์  ที่นัดไว้

เท้าฉึ่งบวม  น้ำท่วมบ้าน  ยังมั่นใจ

 

วันที่สามสิบ  จะต้องไป  ตั้งใจมี

ชาวเพื่อนบ้าน  เตรียมใจ  ต้านภัยถ่อย

 

จับกลุ่มย่อย  ค่อยประคอง  ฉันน้องพี่

สอดผสาน  ส่องผสม  เกลียวกลมดี

 

ถึงวารี  จะท่วมตัว  ใช่หัวใจ

น้องวิชิต  ติดต่อหน่วย  คอยช่วยเหตุ

 

ลุงสุเมธ  กับป้าวาด  จัดเรือให้

ยี่สิบเก้า  น้ำเข้าบ้าน  ฉันต้องไป

 

มุ่งเข้าใกล้  ค่ายสุรสีห์  ที่เมืองกาญจน์

ตัดสินใจ  ไม่ผิดพลาด  นิราศนี้

 

ป.พัน.สี่  สีเขียวสด  รถทหาร

ยี.เอ็ม.ซี.  ที่เคยใช้  ในเก่ากาล

 

รับจากบ้าน  เมืองใหม่  ในดอนเมือง

ท.ทหาร  อดทน  คนไทยรัก

 

แจ้งประจักษ์  พิทักษ์ไทย  ได้ต่อเนื่อง

ถอดหัวใจ  สู้ภัยน้ำ  งามประเทือง

 

นักการเมือง  เคืองแคะ  แซะบัลลังก์

ขนข้าวของ  ต้องประสงค์  สองกรงหมา

 

รีบออกมา  จากประตู  ปิดรูหลัง

ไอ้เต้าฮวย  กับเจ้าซน  บ่นเสียงดัง

 

เห่าให้ฟัง  อย่างโหยหวน  จวนสิ้นลม

อาศัยเรือ  ไปขึ้นรถ  สลดจิต

 

เมื่อสิ้นกิจ  จะกลับมา  อย่าขื่นขม

อยากจะอยู่  สู้กับภัย  ไม่ตรอมตรม

 

เก็บอารมณ์  เก็บจริต  นั่งคิดตรอง

ยี.เอ็ม.ซี.  สองตันครึ่ง  บึ่งระห้อ 

 

น้ำมิดล้อ  ส่งท่อไอ  ส่ายผยอง

หักเลี้ยววน  ถนนใหญ่  กลายเป็นคลอง

 

น้ำแตกฟอง  มองคลื่นยักษ์  จากกันชน

ภูวนัย  จ่าหนุ่ม  ทั้งคุมขับ

 

แวะจอดรับ  ผู้โดยสาร  ทหารขน

ลำเลียงของ  สองข้างทาง  หว่างสายชล

 

มีผู้คน  รถจอแจ  ทั้งแพเรือ

เห็นรถเสีย  คลื่นเซาะ  เจาะกระจก

 

ไปขึ้นบก  ศรีสมาน  ก็นานเหลือ

เชิงสะพาน  คลองประปา  เป็นท่าเรือ

 

น่าเอือมเอือ  เสียจัง  คนสร้างภัย

                  มิรั้งรอ  ห้อตะบึง  บึ่งปิคอัพ

 

ไอ้หนึ่งขับ  รับแม่พ่อ  ขออาศัย

กลับถึงบ้าน  ส่งหมา  แล้วคลาไคล

 

สู่ที่หมาย  กาญจนบุรี  มีบุญรอ

ถึงริมแพ  แม่กลอง  มองหามิตร

 

เห็นบุญฤทธิ์  คุณสมปอง  จ้องป๋อหรอ

คุณสมยศ  กับเมีย  นั่งเคลียคลอ

 

กับแกล้มรอ  เต็มสำรับ  ขยับลุย

ขอวิสกี้  โซดา  อย่าให้บอก

 

เพียงหนึ่งจอก  ขยอกฝืน  กลืนฉลุย

ได้พบเจอ  เกลอเก่า  จับเข่าคุย

 

ตะเกียบพุ้ย  ช้อนพาย  ได้อิ่มเอม

มีสองห้อง  จองโรงแรม  ไม่แถมนวด

 

นอนยาวรวด  หลับดี  ปรีดิ์เกษม

ดูกวางช้าง  ต่างวิ่ง  ชิงเล่นเกม

 

ตาปรีเปรม  ยายปรีดา  หลับตานอน

ก่อนสว่าง  ต่างชำระ  ตระเตรียมของ

 

ลงมากอง  ท้องหายกิ่ว  จึงลิ่วร่อน

ได้เวลา  ออกรถ  บดทางจร

 

ฝ่าสิงขร  เลาะไหล่เขา  เข้าอาราม

พ้นไฟแดง  แยกแก่งเสี้ยน  ไม่เวียนหลง

 

หนึ่งขับตรง  ต่อไป  ไม่ต้องถาม

ริมถนน  สองข้าง  สะพรั่งงาม

 

แล่นเลาะตาม  แควน้อย  ขนาบชล

                  เพียงพักหนึ่ง  ถึงลาดหญ้า  มุ่งขวาเลี้ยว

 

สักครู่เดียว  เลี้ยวซ้าย  ก็ได้ผล

สำนักสงฆ์  เขารักษ์  ประจักษ์ยล

 

ตั้งอยู่บน  เชิงเทิน  เนินเขางาม

เรียงรายล้อม  อ้อมพฤกษ์  พรรณไศล

 

เขียวไสว  ไพรมงคล  ยืนล้นหลาม

แผ่รื่นร่ม  สมป่า  พนานาม

 

เป็นอาราม  งามแสวง  แห่งแก่นธรรม

องค์กฐิน  ตรงหน้า  ผ้าป่าพร้อม

 

หมากผลไม้  รายล้อม  น้อมองค์สัม-

มาสัมพุท-  ธองค์  ผู้ทรงธรรม

 

เริ่มกิจกรรม  นำกุศล  มุ่งผลบุญ

ตั้งนะโม  มโนนำ  คำถวาย

 

น้อมจิตกาย  มลายเลื่อม  มิเสื่อมสูญ

พุทธศาสน์  สุดประเสริฐ  ขอเทิดทูน

 

สร้างผลบุญ  พูนศรัทธา  ชาติหน้ามี

ภัตตาหาร  ฉันเพล  ทั้งเณรพระ

 

ได้พบปะ  ชาวเมืองกาญจน์  สราญศรี

เปิดโรงทาน  อาหารสด  หลากรสดี

 

อิ่มเอิบพี  พี่น้อง  พรักพร้อมกัน

ฝีมือปรุง  จรุงโรจน์  รสอร่อย

 

เสียงเจื้อยจ้อย  โจษแจ้ว  แว่วสังสรรค์

ฉันท์ญาติมิตร  สนิทเคียง  เสียงจำนรรจ์

 

ท่วมบุญทาน  งานกฐิน  ด้วยยินดี

ได้รับพร  จากคุณพระ  ธรรมะสวด

 

รินขันน้ำ  พานรองตรวจ  เพื่อสุขศรี

ทั้งผู้อยู่  ผู้ล่วงลับ  ดับชีวี

 

ได้ปรีดี  สุขเกษม  อิ่มเปรมใจ

คุณนงลักษณ์  คุณผดุง  ผู้มุ่งมาด

 

ได้แจงจัด  ครบองค์สาม  นำมาให้

ยกหน้าที่  เป็นประธาน  ผสานใจ

 

ถวายให้  ธรรมมาสน์สร้าง  ตั้งชุกชี

                 โอ้เมืองกาญจน์  ครั้นมาเยือน  ก็เหมือนบ้าน

แต่ก่อนนั้น  เคยอาศัย  ได้สุขขี

หมอเดชา  สุขารมณ์  สมฤดี

 

ท่านคือพี่  เคยพำนัก  พักพิงกัน

ผ่านทิวเขิน  เนินไศล  เห็นไพรพฤกษ์

 

ยิ่งให้นึก  รู้ลึกซึ้ง  ถึงความฝัน

พบคือพราก  จากคือเจอ  เพ้อรำพัน

 

ว่าสักวัน  พบพี่หมอ  ขอวันทา

พี่กำนัน  วังด้ง  ชื่อทรงศักดิ์

 

เคยดูแล  เลี้ยงรัก  กันนักหนา

ทั้งหวดกอล์ฟ  กินไก่ตอน  ต้มน้ำปลา

 

เร้าสุรา  เริงผสาน  งานมวลชน

อีกงานแต่ง  งานบวช  งานสวดศพ

 

เราไปพบ  ตามแหล่ง  ทุกแห่งหน

สร้างซุ่มเสียง  เรียงนาม  ตามมวลชน

 

ได้ผู้คน  ล้นหลาม  ตามร่วมแนว

ใช้คุณธรรม  นำปัญญา  ไปหาเสียง

 

ความพอเพียง  พออยู่  ในหมู่แถว

พระราชดำรัส  ตรัสไว้  ใช้เป็นแนว

 

เมื่อรวยแล้ว  ช่วยเหลือ  เกื้อกูลกัน

                  เสร็ฐกฐิน  กินอิ่ม  ยิ้มแย้มทั่ว

 

คณะทัวร์  น้ำท่วม  ร่วมผายผัน

กลับเมืองกรุง  มุ่งเมืองมีน  ก่อนสิ้นวัน

 

ทางบุกบั่น  ผ่านน้ำ  ที่บ่านอง

ท่ามะกา  มาบ้านโป่ง  โล่งถนน

 

มิต้องวน  เพชรเกษม  พระรามสอง

มุ่งบางนา  มาถึงราม  ตามครรลอง

 

หนีลำคลอง  ขึ้นเขิน  เลียบเนินมา

นอนหมู่บ้าน เบญจรงค์  คงจะรอด

 

กันสุดยอด  บางชัน  อันแน่นหนา

ทุนแห่งพรรค  ของกู  สู้ยิบตา

 

ใครจะด่า  ผู้ว่าฟัง  หนังหน้าไฟ

คงคอยท่า  สถานการณ์  มันรุมเร้า

 

นั่งนอนเฝ้า  เอาแน่  คงไม่ได้

ท่วมไม่ท่วม  อ่วมระอา  จะเมื่อใด

 

อยู่หรือไป  ใครจะเห็น  อาจเผ่นยาว

มันเอ่ออ้อม  ล้อมพัง  หลังหมู่บ้าน

 

เริ่มคืบคลาน  เข้าใกล้  ใจชักหนาว

การหนีน้ำ  จำต้อง  เป็นสองคราว

 

ฝ่าโขดเขา  ขึ้นไปหา  คุณย่าโม

                  อนิจจา  ขาเท้า  ไม่เข้าข้าง 

 

เป่งบวมฉ่าง  นั่งทายา  น่าโมโห

คงเรื่องเหล้า  มิหราบจำ  ดื่มคำโต

 

ย่างเยโย  โยกย้าย  ด้วยไม้ยัน

เท้าขวาหาย  เท้าซ้ายเบา  หัวเข่าเริ่ม

 

เจ็บปวดเพิ่ม  หลายเท่า  เขย่าขวัญ

เข้าห้องน้ำ  ต้องว่องไว  กลัวไม่ทัน

 

ดูทีวี  กันทั้งวัน  ทันข่าวกรอง

มีนบุรี  บ้านลูก  ต้องถูกหาม

 

หลบหนีน้ำ  ไหลหลั่ง  ครั้งที่สอง

หมาสองตัว  ไม่กลัวกรง  ลงนั่งยอง

 

มันเพลินมอง  สองข้าง  ที่ทางจร

ต้องกบินทร์  วังน้ำเขียว  ทางเดียวขับ

 

ทางบังคับ  ให้วิ่ง  ตามสิงขร

เส้นพหล  ถนนแหว่ง  แห้งบางตอน

 

เจิ่งสาคร  ท่วมถนน  พ้นหลังคา

นึกทีไร  ใจก็ฉุน  สถุนชาติ

 

ข้าราชการ  พวกอุบาทว์  คือขี้ข้า

นักการเมือง  ขี่คอ  จ้อวาจา

 

เท้าลูบหน้า  ข้าราชการ  ผลาญชาติตน

กว่าจะรู้  ตนตัว  ว่าชั่วช้า

 

ขายขี้หน้า  ปลัดโจร  ยังโดนปล้น

เห็นแก่แบงค์  แข่งล้อมทรัพย์  ต้องอับจน

 

ให้ผู้คน  สาปแช่ง  แพ่งอาญา

เป็นนายพล  จนแต่เงิน  เทิดเทินศักดิ์

 

มุ่งแต่รัก  คนในชาติ  ศาสนา

ดำรงไว้  ซึ่งอำนาจ  พระราชอาญา

 

กษัตรา  ธิราช  ของชาติไทย

                  มุ่งกบินทร์  ถิ่นเคยผ่าน  ทำงานรบ

 

สิ่งที่พบ  ความประเทือง  เรืองไสว

เขาหินซ้อน  แปดริ้ว  ลิ่วผ่านไป

 

ยกมือไหว้  องค์พิสุทธิ์  พุทธโสธร

มอเตอร์เวย์  เล่หนีน้ำ  ทำบายพาส

 

ยุรยาตร  ยวดยาน  ผ่านสลอน

เหลือเส้นเดียว  ออกอีสาน  ทางสัญจร

 

ถูกตัดตอน  พหลโยธิน  สุวินทวงศ์

เส้นทางน้ำ  เปลี่ยนวน  ถนนเสีย

 

สายเอเชีย  เสียทั้งเส้น  เป็นคลองส่ง

ดิ่งโรงงาน  อุตสาหกรรม  ให้ด่ำลง

 

ตามประสงค์  บาปหนัก  นักการเมือง

อย่าปิดลับ  จับได้  ไอ้หน้าขน

 

ประชาชน  คนรู้ทัน  อย่าฝันเฟื่อง

หาที่ชั่ว  เปรียบได้  ทำลายเมือง

 

เมื่อจบเรื่อง  เป็นคดี  มีตะราง

ระบบศาล  เมืองไทย  ท่านไม่รู้

 

เพียงท่านดู  ความมั่ว  ทั้งหัวหาง

ใครว่าโง่  ท่านก็นั่ง  ชั่งตรงกลาง

 

มีตัวอย่าง  มาตรฐาน  ก็พาลตรม

                  หวนคำนึง  ถึงนาดี  มีอดีต

 

คอมมิวนิสต์  รุ่งเรือง  กระเดื่องโหม

กำลังเรา  เข้าสู้  อย่างจู่โจม

 

เสียงระงม  จมเลือด  เชือดคนไทย

ลืมเสียเถิด  ไทยฆ่าไทย  ไม่สนุก

 

จะทนทุกข์  อยู่อย่างนั้น  มันไม่ไหว

นี่ส่งน้ำ  โถมลงมา  เพื่อฆ่าไทย

 

เลวของใคร  ให้ไปถาม  ชลประทาน

แม้ดินเลื่อน  เขื่อนภูมิพล  บอกทนได้

 

แล้วทำไม  น้ำแค่นี้  มิอาจหาญ

อยากจะด่า  ว่าไอ้หอก  ออกประจาน

 

ยมพบาล  ยังพิโรธ  โกรธพวกมัน

                  ผ่านแมกม่อน  ซ้อนสลับ  ซับสลอน

 

โขดสิงขร  ขอบเขิน  เนินเขตขันฑ์

สามศูนย์สี่  สีแมกไม้  นานาพรรณ

 

มีต้นลาน  มองสลับ  คือทับลาน

สีแสดเหลือง  เรืองสลอน  ตอนน้ำแล้ง

 

แยกระแหง  แตกระหอง  เหือดละหาน

เกิดรีสอร์ต  ก่อดีไซน์  ไล่ต้นลาน

 

ลำห้วยธาร  แห้งหาย  กลายเป็นทาง

นั่งปิคอัพ  ขยับเขยื้อน  เลื่อนสลับ

 

ปวดหนุบหนับ  จับเขย่า  เข่าสองข้าง

กินยาลด  ขดขยาย  ถึงปลายทาง

 

อยากครวญคราง  หมางหมอง  ต้องสู้ทน

คิดถึงบ้าน  ดอนเมือง  ก็เคืองแค้น

 

คิดถึงคลอง  แสบแสน  ก็สับสน

มันเจ็บรวด  ปวดขา  ข้าพอทน

 

เจ็บใจชล-  ประทาน  นั้นเจ็บจริง

ต้องพาลด่า  ไฟฟ้าด้วย  เพราะห่วยแตก

 

กำไรแหลก  โบนัสดี  ยังผีสิง

พลังงาน  ผลาญประเทศ  ไอ้เปรตลิง

 

เปิดความจริง  คงได้เห็น  เวรตะไล

คนผู้นำ  พวกนี้  หาดียาก

 

มันโลภมาก  อยากอยู่ยั้ง  คิดเป็นใหญ่

เป็นลูกมือ  นักการเมือง  น่าเคืองใจ

 

แช่งให้ตาย  ก็ไม่ตาย  มันใช้กรรม

                  วังน้ำเขียว  เคี้ยวคด  ขึ้นโขดโขน

 

มีโอโซน  อยากจะสูด  ให้สุดหนำ

กรมป่าไม้  ไล่บี้  จะยียำ

 

พวกรุกล้ำ  ทำรีสอร์ท  และยอดดอย

ต่างทะเลาะ  เข้ารื้อ  เพื่อยื้อยุด

 

ถึงที่สุด  ขุดทำลาย  เครื่องใช้สอย

มีกฎหมาย  เอาไว้ขู่  ผู้สำออย

 

นายทุนถ่อย  ปล่อยไว้  ใหญ่กว่าโลง

แหล่งเที่ยวท่อง  ล่องแก่ง  แย่งลูกค้า

 

โกยเงินตรา  เลี่ยงภาษี  มีเป็นโขลง

อธิบดี  คนป่า  มาเปิดโปง

 

อย่าละคอน  หลงโรง  ก็แล้วกัน

ขับรถคลาน  ยวดยานเยอะ  เจออุบัติ

 

เหตุรถปัด  เปลี่ยนแปล  จนแถหัน

สวนขาเข้า  รถจอดชิด  ติดเป็นพัน

 

รถของฉัน  คลานขึ้นเขา  ยังเบาใจ

ชมป่าโปร่ง  โล่งฟ้า  ฝ่าเมฆม่าน

 

หนึ่งขับคลาน  ผ่านช่อง  ล่องไศล

อีกมิช้า  ชมทาง  หว่างแนวไพร

 

ปักธงชัย  ใกล้ย่าโม  โคราชรอ

                  รถแล่นผ่าน  ย่านแม่ย่า  วันทาไหว้

 

จะอาศัย  ที่หลับนอน  วิงวอนขอ

ขืนอยู่กรุง  คงยุ่งย่าม  น้ำเพียงคอ

 

ตั้งใจขอ  ความป่วยไข้  หายแผ้วพาล

ขับรถส่ง  โรงแรมหมา  รักษาสัตว์

 

มันเครียดจัด  เพราะอยู่กรุง  น่าสงสาร

พอคุ้นชิน  ห้องหับ  จึงรับประทาน

 

มีอาหาร  และหยูกยา  รักษากาย

ที่พักคน  วนหา  ที่อาศัย

 

มาถูกใจ  จอมสุรางค์  แหล่งค้าขาย

ขึ้นพำนัก  พักนอน  จนผ่อนคลาย

 

คนสบาย  หมาสบาย  ใจคำนึง

ทั้งคนหมา  กว่าพัน  ฉันต้องควัก

 

จำจ่ายหนัก  ไปสักนิด  แต่คิดถึง

ถึงป่านนี้  เต้าฮวย,ซน  คงบ่นอึง

 

มันคิดถึง  อย่างแน่  แม่นงเยาว์

มันอาฆาต  ไอ้ชาติคน  เสียงบ่นด่า

 

ปล่อยน้ำท่า  ท่วมท้น  ไอ้คนเขลา

อำมหิตค้าน  รัฐบาลโหด  โฉดไม่เบา 

 

มันงี่เง่า  เน่าเหม็น  ไอ้เดนคน

ทั้งสภา  ค่าเท่าใด  ไม่สำเหนียก

 

ไอ้หอกเหียก  ให้หมาด่า  ไอ้หน้าขน

ปล่อยให้สัตว์  เข้าสภา  หน้าเหมือนคน

 

ต้องทุกข์ทน  น้ำท่วม  อ่วมอรชร

เหมือนอยู่รู  จอมสุรางค์  นั่งป่วยเจ็บ

 

เห็นกรุงเทพ  ทางโทรทัศน์  กัดกันว่อน

รู้ถึงน้ำ  ขึ้นลด  ทุกบทตอน

 

ไม่แต่งกลอน  นอนดู  หมูกัดกัน

                  มีน้ำไหล  สายแม่ยม  จมลงน่าน

 

เตรียมหลากผ่าน  ปากน้ำโพ  โผล่นครสวรรค์

ภูมิพล  ล้นตาก  ให้มากครัน

 

พ้นกำแพง  มาจวบกัน  สวรรค์จม

สิริกิติ์  แควน้อย  ปล่อยเต็มที่

 

ให้ล้นปรี่  บีฑา  ให้สาสม

นครสวรรค์  ที่หาญสู้  ถูกปูพรม

 

แผ่นดินจม  ถล่มลง  ใต้คงคา

สิ้นสวรรค์  บาดาลภพ  ถึงจบเห่

 

ก็เพราะเล่ห์  ผู้ก่อร้าย  ใจบาปหนา

ยังไปโทษ  เรือยนต์  คนหาปลา

 

การไฟฟ้า  ชลประทาน  มันตัวดี

นัดเวลา  ธาราริน  กินทุ่งท่า

 

กำหนดคร่า  ธาราโหม  บางโฉมศรี

ตะวันออก  บอกให้น้ำ  ตามราวี

 

สุพรรณบุรี  เพียงชะลอ  ด่าทอทน

โรจนะ  มันสะใจ  ถึงไฮเทค

 

บางปะอิน  เรื่องเล็ก  เด็กหนีขน

ให้บาดาล  ธารท่วม  รวมสายชล

 

น้ำบ่าบน  ระพีพัฒน์  จัดพุ่งมา

ระพีพัฒน์  สกัดบน  สั่งคนปิด

 

น้ำพุ่งปรี๊ด  ขีดดังเส้น  เกณฑ์มาหา

ปิดคลองหนึ่ง  ถึงแคว้นถิ่น  พระอินทราชา

 

ท่วมท้นบ่า  เชียงรากน้อย  ค่อยประจง

นวนคร  อ่อนระทวย  ช่วยไม่ได้

 

ถูกทำลาย  อยู่ใต้น้ำ  ตามประสงค์

ธรรมศาสตร์  คิดว่าแน่  แต่จมลง

 

ปล่อยมุ่งตรง  เข้าเส้นทาง  บางกะดี

แต่บางชัน  นั้นเป็นแหล่ง  แห่งจัดตั้ง

 

ลาดกระบัง  สั่งสู้  แต่สูสี

ทุนของใคร  ทุนของมัน  ปั้นให้ดี

 

เห็นโลกีย์  กันหรือยัง  หรือชั่งมัน

คลองสามวา  หกวา  พากันแน่

 

ปล่อยน้ำแช่  ลำลูกกา  จนน่าขัน

กลัวคลองเปรม  น้ำจะไหล  ยังไงกัน

 

ให้น้ำผัน  ด้วยบิ๊กแบ็ค  แดกกันเปรม

อยุธยาลุ่ม  ปทุมอ่วม  น้ำท่วมท้น

 

ตะวันตกนนท์  มหาสวัสดิ์  อัดเพชรเกษม

สามพราน  นครชัยศรี  ท่วมปรีเปรม

 

ท่วมตามเกม  กลยุทธ์  สุดน่าชัง

เจ้าพระยา  ก็ว้าเหว่  ลานเทท้น

 

ข้ามถนน  วนลุ่ม  น้ำชุ่มขัง

ถูกเปลี่ยนทิศ  เข้าตี  บี้ให้พัง

 

ด้วยคำสั่ง  บัญชา  มหาประลัย

จากเมืองสิงห์  ส่งธาร  ถึงบ้านหมี่

 

ลพบุรี  ป่าสัก  ฝากน้ำให้

ถึงสห-  รัตนนคร  นอนสบาย

 

อยู่ภายใต้  บาดาล  บานบุรี

ทะเลขึ้น  เข้าบางพลัด  ถึงกลัดหนอง

 

บางบัวทอง  นองธารา  หน้าถอดสี

พหลโยธิน  ก็หนักหนา  วิภาวดี

 

เข้าหลักสี่  หยุดทำงาน  ก็พาลตรม

ศูนย์ป้องกัน  ผันเป็นศูนย์  ผู้ประสบ

 

ศปภ.  ตะแลงหลบ  ประคบปะหงม

ถุงยังชีพ  แปดร้อย  ทิ้งลอยจม

 

ไม่เหมาะสม  ที่เป็นรัฐ  จัดงบประมาณ

สื่อก็สรร  ผันเพลิน  หาเงินทุ่ม

 

แต่ละกลุ่ม  รุมวิเคราะห์  เจาะข่าวสาร

พวกหน้าแหย  แสจริต  วิชชาการ

 

ฝ่ายชาวบ้าน  ปิดถนน  บ่นกันพึม

คนสภา  เล่นปาหี่  หนีความผิด

 

ฟังตะหงิด  อภิปราย  โธ่ไอ้ทึ่ม

แค่ฟ้องเรียก  เสียงฮา  คนด่าตรึม

 

ส่วนแทรกซึม  ฮึ่มกระหาย  อายเลื้อยคลาน

                  จอมสุรางค์  สิ้นค่าจ่าย  ขอย้ายเปลี่ยน

 

ไปด่านเกวียน  เวียนหาหมา  น่าสงสาร

เช่ารีสอร์ท  หมาอยู่ด้วย  ช่วยเป็นทาน

 

คงสำราญ  กว่าโรงแรม  เจิดแจ่มทรวง

หมากับคน  เกือบชนพัน  หนึ่งวันจ่าย

 

เงินรายได้  จากบำนาญ  ฉันแหนหวง

น้ำยังท้น  ล้นหลาม  หนามยอกทรวง

 

น้ำตาร่วง  ไหลริน  เกาะกินใจ

อยู่รีสอร์ท  นึกว่าเพลิน  เดินก็ฝืน

 

อยู่สี่คืน  ฝืนตรม  ระทมไหม้

ติดต่อเหมียว  ลูกสาว  จนเข้าใจ

 

บอกให้ไป  ใกล้ถิ่นฐาน  วิหารแดง

ฝ่ายเจ้าซน  กับเต้าฮวย  ช่วยหายเหงา

 

มีหอนเห่า  เฝ้าไข้  ถึงใจแข็ง

ส่วนทีวี  ตั้งเสียสูง  พยุงแรง

 

ข่าวเหลืองแดง  อดดู  หดหู่ใจ

สั่งอาหาร  ทานทุกมื้อ  ยื้อชีวิต

 

ปลาสลิด  ก๋วยเตี๋ยว  และเจียวไข่

ต้องตัดแบ่ง  แย่งกับหมา  ระอาใจ

 

อยู่ภายใน  เรือนเหย้า  เช้าจดเย็น

ลูกขับรถ  พาไป  หายใจคล่อง

 

แต่จำต้อง  เคลื่อนย้าย  ในรถเข็น

แถวด่านเกวียน  เวียนหา  ดื่มชาเย็น

 

มีหลานเล่น  กับตายาย  ใจเบิกบาน

บางครั้งหมา  วิ่งหายไป  ใจก็แป้ว

 

พันธุ์บางแก้ว  ว่าดุร้าย  ใจอาจหาญ

มันเป็นหมา  ใจดี  มีวิญญาณ

 

นอนในบ้าน  ใกล้คน  ไอ้ซน, เต้าฮวย

                  ต้องโยกย้าย  ในครั้งสาม  ตามลูกสาว

 

บ้านเจ้าดาว  เป็นที่หมาย  ไปได้สวย

ผ่านปากช่อง  ล่องหัวดง  ไม่งงงวย

 

ทั้งหมาด้วย  คนด้วย  ช่วยชมทาง

แวะเจ้าสัว  ทัวร์ปากช่อง  ซื้อของฝาก

 

คราวลาจาก  ประตูอีสาน  พาลหมองหมาง

ทั้งแนวป่า  วนาฟาร์ม  ตามข้างทาง

 

มิเจือจาง  สิ่งทรงจำ  นำติดตัว

นัดลูกสาว  ให้เขามา  ก่อนคราค่ำ

 

ต้องหนีน้ำ  ช้ำใจ  เพราะไอ้ชั่ว

ทั้งฝ่ายค้าน  ต้านรัฐ  กัดกันนัว

 

น้ำท่วมหัว  จนมิดหาง  พวกจังไร

กลอนมันพา  ด่าไม่หยุด  มนุษย์อุบาทว์

 

ทำลายชาติ  นี่หว่า  น่าสงสัย

ดูมันทำ  ย่ำยี  นี่ยังไง

 

รู้แก่ใจ  ของมันเอง  ไอ้เฮงซวย

                  เลี้ยวทับกวาง  ทางบ้านนา  แล้วขวาหัน

 

ขับไปยัน  บ้านเจ้าดาว  ภูเขาสวย

แม่เจ้าดาว  เขาขับสู้  ดูเอออวย

 

เต็มใจช่วย  ด้วยเต็มใจ  มิตรไมตรี

สองตายาย  ให้เฝ้าบ้าน  สถานโอ่

 

หลังใหญ่โต  โก้หรู  ดูสดสี

ขึ้นชั้นสอง  สูงลิ่ว  แถมวิวดี

 

ขุนคีรี  มีท้องทุ่ง  จรุงใจ

ใต้ถุนสูง  มีทุ่งกว้าง  แต่นั่งเจ่า

 

สองหมาเฝ้า  ประตู  ดูแลให้

โทรอาหาร  ตามสั่ง  ได้ดังใจ

 

อยู่ไม่ไกล  จากบ้าน  ร้านเจ๊พร

เสาร์อาทิตย์  ลูกก็มา  พาไปช้อป

 

ขับรถรอบ  สระบุรี  รายสลอน

ดีกว่าอยู่  คู้เข่า  เอาแต่นอน

 

ออกตะลอน  นครนายก  ไม่อกตรม

นมัสการ  เป็นขวัญมิ่ง  สิ่งศักดิ์สิทธิ์

 

ฐานสถิตย์  พระพิฆเณศร์  ประณตน้อม

ขึ้นรถเข็น  เป็นอย่างหนัก  สบักสบอม

 

ให้องค์จอม  เป่าพ่น  ด้วยมนตรา

ไหว้หลวงพ่อ  ปากแดง  แหล่งรวมพุทธ

 

องค์วิสุทธิ์  สืบสาน  พระศาสนา

กรประนม  ก้มยัน  ขึ้นวันทา

 

ช่วยเยียวยา  โรคหาย  กลับกลายดี

แม้นบุญมา  วาสนาส่ง  คงไปสวย

 

ขอโชคช่วย  ให้ลูก  ถูกล็อตเตอรี่

เลขไม่เคย  แผ้วพาน  มานานปี

 

ถูกสักที  คงจะรวย  ช่วยทำบุญ

                  สิบเจ็ดวัน  ผันเวียน  ลมเปลี่ยนทิศ

 

หนาวสนิท  ขับไล่  แสงไอสูรย์

แจ็กเก็ตคลุม  สุมผ้าผวย  ช่วยพอกพูน

 

กายอบอุ่น  กรุ่นไอช้ำ  น้ำท่วมเรือน

โทรไต่ถาม  ตามหาข่าว  อยากเข้าบ้าน

 

เฝ้าเหตุการณ์  ขานกู่  จากหมู่เพื่อน

ต่างหลงทิศ  ผิดทาง  ห่างจากเรือน

 

ดูช่างเหมือน  ปักษี  หนีจากรัง

ส่วนตัวข้า  ขาป่วย  ช่วยไม่ได้

 

ขะเยกย้าย  ป่ายขึ้นลง  เหมือนกรงขัง

อยู่หรือกลับ  จะดีกว่า  ละล้าละลัง

 

ลูกบอกยัง  กลับไม่ได้  ก็ใจจน

ทุกวันวี่  มีแต่ซม  อารมณ์เสีย

 

กายอ่อนเปลี้ย  เพลียพลัง  ต้องนั่งบ่น

ด้วยความปวด  รวดร้าว  ต้องเฝ้าทน

 

ฝืนนั่งยล  ชมทีวี  ทั้งวี่วัน

                  ได้ทราบข่าว  ชาวบ้าน  เรือนชานชิด

 

วันละนิด  น้ำลดรา  หน้าบ้านฉัน

หากปิคอัพ  ขับลุยได้  อยากไปพลัน

 

เพราะจากบ้าน  พลัดเรือน  หนึ่งเดือนเต็ม

ถ้าโรงรถ  แห้งลา  ให้หมาวิ่ง

 

กลับจริง ๆ บอกไอ้ซน  อย่างข้นเข้ม

ถุงยังชีพ  หนีบซื้อเอง  กระเตงเต็ม

 

พวกหมกเม้ม  ถุงยังชีพ  มึงรีบไกล

น้ำท่วมบ้าน  มันปวดร้าว  เท้าก็ป่วย

 

แค่เงินช่วย  ห้าพัน  มันไม่ไหว

เมื่อรับมา  ด่าขอบคุณ  สถุนจัญไร

 

ถูกที่ใคร  ก็อย่าว่า  ด่าตามกลอน

ช่องสิบเอ็ด  เอ็นบีที   มีบอกเล่า

 

เรื่องน้ำเน่า  เข้ามาเรียง  เคียงสลอน

ศปภ.  กทม.  อยากขอตอน

 

สิ้นอาวรณ์  ถอนวงศ์  เผ่าพงศ์พันธุ์

โง่บัดซบ  ออกกลบเกลื่อน  เชือนชวนเชื่อ

 

โฆษณา  น่าเบื่อ  ไม่สร้างสรรค์

พยากรณ์  น้ำท่า  ว่าเป็นวัน

 

เหมือนวาดฝัน  ฉันเอาอยู่  ปูขาเก

อภิสาก  ลากกระหม่อม  บริพลาด

 

ลิ้นตระหวัด  กัดกับปู  ดูปัดเป๋

นำบิ๊กแบ็ค  แบกเรียง  เบี่ยงน้ำเซ

 

ดังไอ้เข้  หลงถ้ำ  ปล้ำไกรทอง

ถูกเขาด่า  มิสาสม  จะจมปลัก

 

ออกงานหนัก  อยากได้เสียง  ไม่เป็นสอง

ไม่อยากเลือก  พวกมึงหรอก  ดอกสีทอง

 

ให้น้ำนอง  กองขยะ  ชะแผ่นดิน

รัฐมนตรี  ที่แท้  ยอมแพ้น้ำ

 

แต่ออกปล้ำ  ทำทาง  ให้ทักษิณ

เสี้ยวเศษเนื้อ  ข้างเขียง  เพียงเปรอะดิน

 

เกาะอุ้งตีน  ชีพถวาย  จัดให้ฟรี

ประชาชน  ทนน้ำ  จำว้าเหว่

 

จรเข้  มันขวางคลอง  ต้องเสื่อมศรี

น้ำการเมือง  หลากหลั่น  บั่นชีวี

 

แต่โชคดี  มีขวัญ  คนปันใจ

                  ถึงสามสิบ  พฤศจิกา  กลับมาบ้าน

 

จากเรือนชาน  นานนัก  ชักไม่ไหว

แม้ปิคอัพ  ขับลุยน้ำ  ก็จำใจ

 

ทะเบียนป้าย  หายกับน้ำ  ก็จำยอม

เชพโรเล็ต  ขับลุย  จมมิดล้อ

 

สั่งตีห้อ  มิท้อถอย  มิค่อยถนอม

เสียวเครื่องยนต์  บ่นสำลัก  สะบักสะบอม

 

ลึกก็ยอม  เข้าหมู่บ้าน  อย่างสบาย

เพียงหนึ่งเดือน  เหมือนหนึ่งปี  ที่จำพราก

 

เมื่อได้จาก  มาได้เห็น  ก็ใจหาย

เห็นขึ้นรา  ลอยฟ่อง  กล่องละลาย

 

ความเสียหาย  หฤโหด  เพราะโคตรคน

ใช้เครื่องฉีด  ชุดปืน  ยืนชะล้าง

 

คนรับจ้าง  ก็หายาก  ไม่อยากสน

ตนนั่นแล  ที่แท้ถึง  พึ่งแห่งตน

 

ผ่านมาจน  ปีใหม่  ไม่เสร็จการ

ปลายธันวา  ฟ้าเพริด  บรรเจิดแจ้ง

 

เห็นน้ำแห้ง  แล้งมาเยือน  สะเทือนขวัญ

เมื่อลมเย็น  พัดโยน  โดนตัวพลัน

 

ความหนาวสั่น  สะท้านทรวง  หนักหน่วงใจ

แก่งกระจาน  นานนานเยือน  ยังเหมือนเหย้า

 

เริ่มเคาท์ดาวน์  ปีเก่าลา  เบิกฟ้าใหม่ 

ความป่วยเจ็บ  เลวร้าย  ก็หายไป

 

ปีงูใหญ่  คงเป็นปี  ที่ดีเอย

 

 

 

 

 

 

 

 

  พล.ต.วิเชียร  ชูปรีชา

 

 

4 ม.ค.55