นิราศเบตง

                                รวมกระดาษ จัดเป็นปึก นึกอดีต                         จรดดินสอ ขอเขียนขีด ด้วยจิตมั่น

                ย้อนต้นเดือน พฤษภา สี่ห้าวัน                                              ร่ายรำพัน วันล่องใต้ ไปเบตง

                น้อมระลึก นึกถึงครู ผู้เคยสอน                                            รังสรรค์กลอน สมประสิทธิ์ สำฤทธิ์ประสงค์

                ให้เขียนครบ จบเหตุ ดังเจตจง                                             ชื่อเบตง ดำรงยัง ฝังไม่เลือน

                ครั้งนี้ไป ใต้ยังร้อน ไม่ร่มรื่น                                                              ระเบิดปืน ฝืนอันตราย มิคลายเคลื่อน

                หลังจากกลับ ประทับใจ ลืมเลือน                                       สัมผัสเขื่อน บางลาง ที่ฝังใจ

                มาวันนี้ มีเหตุการณ์ มิควรเกิด                                              มีสองจุด วางระเบิด ที่หาดใหญ่

                เหยื่อที่เจ็บ ทุกข์ทน ก็คนไทย                                                             ฉงนใจ จริงหนอ ต้องขอปลง

                                หลังจากกลับ จากหนองคาย ได้เดือนกว่า          มีแผนว่า มุ่งล่องใต้ ในประสงค์

                ตอนตีสาม สิ้นเมษา ฤกษ์ผาโมง                                           หันหน้าตรง ล่องใต้ ไปพร้อมกัน

                ตู้โดยสาร ผ่านอำเภอ โชเฟอร์หนุน                                     ขับมือดี ตีล้อหมุน ไม่หุนหัน

                มุ่งหาดใหญ่ ไปให้ถึง ในหนึ่งวัน                                        จากสามพราน นครปฐม ชมข้างทาง

                ตอนตีสาม ยามราตรี มีแต่แสง                                              ริบหรี่แรง ทุกแห่งหน จนฟ้าสาง

แล่นกินลม ชมแสงไฟ ไปพรางพราง                                  ระยะทาง ถึงที่หมาย ยังไกลนาน

ลุงบุญรอด ยอดบุรุษ ดุจเสาหลัก                                         จิตแน่นหนัก รักน้องนุ่ง ยุ่งทางบ้าน

สัจธรรม ค้ำดำรง ยิ่งยงนาน                                                  รูปนามยัง คงสังขาร วิญญาณสัญญา

แปดสิบสี่ ยังมีสติ ดำริชอบ                                                  คิดรอบคอบ คมสัน นั้นหนักหนา

เหมือนโพธิ์ไทร ให้รื่นร่ม สมศรัทธา                                  รับหัวหน้า คณะทัวร์ ทั่วทิศไทย

ประสบการณ์ ผ่านชีวี ที่ฟูมฟัก                                            สุขทุกข์หนัก เป็นของแน่ สักแค่ไหน

ปัญหาหลวง อุปสรรคราษฎร์ สิ่งวัดใจ                                                ผ่านสบาย นายบุญรอด จันทร์สมวงศ์

                คุณย่าอี่ มีหหลานบัว เป็นตัวช่วย                         พามาด้วย ช่วยเป็นเพื่อน กันเลือนหลง

แปดสิบปี มีทั้งกาย ใจมั่นคง                                                                หลังยังตรง คงหน้าใส เพราะใจบุญ

เมื่อขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปอีสาน                                             เรื่องบุญทาน งานศีล ไม่สิ้นสูญ

จองกฐิน วัดสองแพ แพร่พุทธคุณ                                       นัดงานบุญ ออกพรรษา พากันไป

ญาติพี่น้อง พร้อมพรัก ออกจากถิ่น                                     ทอดกฐิน วัดสองแพ โพนพิสัย

ได้จังหวะ กะพอดีมีลาวไทย                                                                ดูดวงไฟ พระยานาค พุ่งจากธาร

แต่เกิดมา ไม่เคยเห็น เป็นสักขี                                             บุญครั้งนี้ คงดัเห็น เป็นหลักฐาน

อิทธิฤทธิ์                อันลับเร้น เป็นมานาน                                          จากบาดาล สู่ฟากฟ้า แสงบารมี

                เจ็ดสิบกว่า ธรรมกล้าแกร่ง แห่งปฏิบัติ                               คือลุงรัตน์ จัดวิสัย ใกล้ชินศรี

เพ่งสติ ดำริธรรม ค้ำบารมี                                                    ดำเนินชีวี ที่เปี่ยมล้น กุศลธรรม

สถิตศีล กินก็ง่าย จ่ายก็คล่อง                                                ไม่เรียกร้อง ไม่บึ้งบูด ไม่พูดพร่ำ

จะไปไหน ไปด้วย ขอช่วยนำ                                                              อยากให้ทำ อะไร ให้บอกมา

จิตวิเวก บริสุทธิ์ เมื่อหลุดกลุ่ม                                             จะเดินดุ่ม เดี่ยวไป เสาะใฝ่หา

พบพืชไร่ ไม้แปลก ชอบแบกมา                                         บันนังสตา ที่หาซื้อ คือทุเรียน

                ฝ่ายนงเยาว์ คนนี้ เขาดีแท้                                     มองเห็นแก หยิบปากกา มาช่วยเขียน

ชื่ออำเภอ เจอตำบล ทนเฝ้าเพียร                                          แกจะเขียน ช่วยจำ นำใส่กลอน

ฉันใจอุ่น เพราะทุนมี ที่กระเป๋า                                           คุณนงเยาว์ พูดง่าย จ่ายให้ก่อน

ถึงสิ้นเดือน ชำระได้ ให้แน่นอน                                         ทั่วทุกบ่อน จะจรไป เมื่อใครชวน

                วีระเปี๊ยก เรียกเมื่อใด แกไปทั่ว                           หิ้วเจ้าฮัว สุนันทา มาร่วมก๊วน

สบายใจ ได้ทั้งคู่ ดูแลขบวน                                                 ไปมาถ้วน ทุกที่พบ ประสบการณ์

ทั่วประเทศ ทุกเขตคาม ถามตอบได้                                   ท่านท่องไทย แทบทั่ว ทุกถิ่นฐาน

ก่อนเกษียน เวียนว่าย ในสายงาน                                         จิตวิญญาณ จำเริญรุ่ง มุ่งทางธรรม

มีหลวงพ่อ หลวงปู่ อยู่ที่ไหน                                                              แกใฝ่ใจ ศึกษา มาคลาคล่ำ

งานค้นคว้า ตำราศาสตร์ ปฏิบัติประจำ                                บุญก็ทำ ทานก็ให้ ผู้ใจดี

                เสี่ยผดุง นางนงลักษณ์ มักจะเริ่ม                          แกส่งเสริม การเที่ยวท่อง ให้น้องพี่

ทั่วเมืองไทย ไปทุกแห่ง แหล่งไหนดี                                 น้ำใจมี หลากล้น คนใจบุญ

รถประจำ จากเซนโย โทรศัพท์                                           บอกผู้ขับ คนซื่อ ชื่อนายหนุน

ว่างจากรับ เด็กนักเรียน เวียนหาทุน                                    สั่งล้อหมุน เมื่อใด ไปทันที

                จะผ่านไหน ไม่รับทราบ ขอหลับก่อน                               สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ตามวิถี

วังมะนาว เข้าสู่เขต เพชรบุรี                                                 สุรีย์ศรี ส่องมะเลือง ที่เมืองปราณ

หลับสนิท ในนิทรา ตื่นมาสาย                                             ยากบรรยาย กรายกลอน เมื่อตอนผ่าน

เส้นทางเก่า เราเคยมา ไม่ช้านาน                                           คงได้ผ่าน ตอนขากลับ ขับทางเดิม

เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า ตาสว่าง                                                 ให้ง่วงสร่าง สั่งซอฟดริ๊ง เป็นสิ่งเสริม

ดูน้ำขวด ตรวจตรา หามาเติม                                               พอเพียงเพิ่ม เสริมพลัง นั่งทางไกล

                สามร้อยยอด จอดหน้าร้าน ทานมื้อเช้า               ผัดกระเพรา จานเดี่ยว พร้อมเจียวไข่

สั่งแกงจืด เลือดหมู ของคู่ใจ                                                                ได้อาศรัย ให้มีของ ในท้องเรา

ไม่อยากเอ่ย รสเคยลิ้ม ชิมมามาก                                         สุดลำบาก ยากจะเอ่ย ไม่เคยกล่าว

อยากเข้าครัว ขอปรุงเอง เกรงเรื่องยาว                                               ยอมกินข้าว มื้อนั้น เพื่อกันตาย

                เหลือบขึ้นมอง ท้องฟ้า เวหาโปร่ง                       จิตใจโล่ง โปร่งเมฆา เวลาสาย

คลื่นถนน กระโดนดอน พอผ่อนคลาย                                              นั่งสบาย คลายเครียด ด้วยพูดคุย

เรื่องร้อยแปด พันเก้า เล่าธรรมะ                                          กำหนดกะ ที่เที่ยวใหม่ ให้ฉลุย

ก่อนเกินแก่ แม้ยังไหว อยากไปลุย                                     เสียงพูดคุย อย่างคุณค่า มาทางไกล

                ขอสุนทร ย้อนไปกล่าว เล่าทางผ่าน                    ตั้งแต่ปราณ ตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าใส

เมื่อมีปราณ ก็มีลม สมฤทัย                                                   ตื่นหายใจ ได้อีกวัน ฝันเป็นจริง

ปราณบุรี ที่ตั้งค่าย ธนรัชต์                                                   ศูนย์ปฏิบัติ หน่วยทหาร อันใหญ่ยิ่ง

ทหารราบ ปราบศึก ฝึกรบจริง                                             เคยมายิง ปืนเล็กใหญ่ ในศูนย์ปราณ

เคยฝึกเข้ม เอ็มสิบหก ยกประทับ                                        เล็งเป้าจับ ขยับแขน แน่นขนาน

ท่ายืนนอน และนั่ง ตามสั่งงาน                                             เวลากาล ผ่านพ้น จนเกือบลืม

ลาดตระเวน เลาะป่า หาข้าศึก                                               เหนื่อยจากฝึก นึกครั้งใด ไม่เป็นปลื้ม

แต่สับปะรด หวานฉ่ำ จำไม่ลืม                                            ยังซับซึม ซาบซ่าน หวานถึงทรวง

อันสาวปราณ หวานหรือเปล่า เราไม่รู้                                 เห็นคลอคู่ กันหลาย ก็หายห่วง

มาเมืองปราณ หวานทั้งนอก และในทรวง                          ไม่เคยลวง สาวปราณ ให้ซานซม

                สามร้อยยอด กอดนที มีเขาแหลม                       สูงเสียบแซม ซ้อนสลับ กลับขื่นขม

เมื่อรักสลับ ซับซ้อน ซ่อนอารมณ์                                       สุดเหลือข่ม ตรอมตรมเศร้า ดังเขาคีรี

ผ่านเมืองกุย แดนดิน ถิ่นอดีต                                              ต้องครวญคิด ไว้นิดหนึ่ง มิหน่ายหนี

ครั้งเมืองกุย เคยสีแดง แรงฤทธี                                           แต่วันนี้ มีแต่สุข ทุกคืนวัน

แม่น้ำกุย เซาะแก่ง จนแล้งหาย                                             หล่อเลี้ยงใจ ให้เย็นชื่น รื่นสุขสันต์

ประกอบการ เศรษฐกิจ มิตรผูกพัน                                     ผ่านสวรรค์ ของเมืองกุย ลุยล่วงไป

                เลยเมืองกุย ลุยประจวบ คีรีขันธ์                         ทางแยกด่าน สิงขร อาวรณ์ไหว

ตอนขากลับ จะเข้าชม ให้สมใจ                                           พม่าไทย ใช้เดินทัพ กลับไมตรี

รถตู้ขับ ขยับเคลื่อน เหมือนจรวด                                       ไร้จุดตรวจ ยวดยานยนต์ บนสายสี่

ปตท. ที่หวัง ตั้งใจมี                                                              เป็นสถานี ฟื้นพำนัก พักร่างกาย

ทับสะแก แลถนน รถยนต์ว่าง                                             นาหูกวาง บ้านอ่างทอง มองของขาย

มีแม่ค้า สาวแก่ แลเรียงราย                                                   ตลอดสาย เกือบไม่ว่าง ถึงบางสะพาน

บ้านหินตั้ง บางสะพาน ยวดยานโล่ง                                   ขับผ่านโค้ง ตรงดิ่ง วิ่งขนาน

เมืองประจวบ มีคลอง สองสะพาน                                      สะพานน้อย บางสะพาน ธารเดียวกัน

ท่านนิสิต จันสมวงศ์ คงจะยอด                                            ลูกลุงรอด ยอดนายตู่ ผู้ขยัน

เป็นผู้ว่า ที่นี่  ไม่กี่วัน                                                             คีรีขันธ์ ย้ายขาด ไปราชบุรี

ที่สวนผึ้ง จะพึ่งพา ขออาศัย                                                  อยากจะไป สวนผึ้ง ให้ถึงที่

อยากไปคลุก คลอเคล้า เขาคีรี                                             ลองสักที ที่สวนผึ้ง จะพึ่งพา

                เขาไชยราช ถ้ำตีนเป็ด ระเห็จเหิน                        สูงต่ำเนิน สักปานใด ขอไปหา

มุ่งหาดใหญ่ ก่อนค่ำ ทำเวลา                                                 หนุนยาตรา มาประทิว ดิ่วชุมพร

ถึงท่าแซะ แวะหน่อย ค่อยโล่งท้อง                                     เดินเข้าห้อง เซเว่น เห็นสลอน

ถือถ้วยถุง รุงรัง บ้างแบกคอน                                             กดน้ำร้อน ใช้ช้อนชง ผงกาแฟ

ผู้คนเดิน พลุกพล่าน เพราะย่านค้า                                       ลูกชิ้นปลา พลิกมาไป ไฟแดงแจ๋

ปั้นข้าวเหนียว เคี้ยวจุ๊บจั๊บ จับตาแล                                    เลยท่าแซะ ไปหลังสวน ก็จวนเพล

มีซุ้มขาย รายทาง วางพรั่งพร้อม                                          รถจอดล้อม อยู่หลายร้าน ที่ฉันเห็น

เลยชุมพร จรสวี ที่ร่มเย็น                                                     ก่อนหลังสวน ก็จะเป็น ท่าตะโก

เส้นทางยืด ขับยาว ราวเหาะเหิร                                           ลุยคลองเขิน ข้ามไศล มาไกลโข

แค่ครึ่งทาง กลางวิถี สี่ร้อยโล                                                              ไม่นั่งโง สัปปะหงก ยกเรื่องคุย

นายหนุนขับ ไม่เคร่งเครียด ละเลียดลิ่ว                                              เลียบแถวทิว ทางตลอด ไม่ทอดขลุ่ย

ยวดยานว่าง เส้นทางโค้ง ปลอดโปร่งลุย                            เสียงพูดคุย สอดรับ สลับกรน

ถึงละแม แลล้วน เรือกสวนไร่                                                             ยูงยางไม้ ให้เศรษฐกิจ พร้อมผลิตผล

แต่ไม่มี กาละแม ให้แลยล                                                    แปลกพิกล คนเรียกว่า เมืองละแม

พ้นชุมพร เร่งจรไป ไม่ลดละ                                                               ท่าชนะ ไม่ไกลนัก ท้องหนักแอ้

เจอเซเว่น เผ่นเข้าตรง ชงกาแฟ                                             หยิบกลั้วแก้ เข้ากันดี บุหรี่มวน

เพราะหลงผิด ติดบุหรี่ มีแต่โทษ                                          จะละลด ยังมิได้ ฤทัยหวน

สูบในรถ กลิ่นควัน มันรบกวน                                           เขาใคร่ครวญ ชวนให้ลด บุหรี่ลง

                จากท่าชนะ ผ่านไชยา ถึงท่าฉาง                           ราวครึ่งทาง สุดที่หมาย ไกลสุดโต่ง

มื้อกลางวัน นั้นคงบ่าย มิได้งง                                             แถวทุ่งสง คงจะได้ เป็นไรมี

พุนพินแยก ทางรถไฟ ไปตาขุน                                          มองแล้วคุ้น เคยผ่าน ไม่นานนี้

ไปนอนเขื่อน รัชประภา มหานที                                        หล่อชีวี มหาชน กุศลจริง

เห็นกุ้ยหลิน ของถิ่นไทย ในกลางน้ำ                                  หินเลอล้ำ งามเปรียบ เทียบคุนหมิง

สรวงสวรรค์ สรรค์ไว้ ให้พึ่งพิง                                           สุขแท้จริง ธรรมชาติ รัชประภา

                แยกรถไฟ ไปตรง ท่าโรงช้าง                                              สายสี่หนึ่ง ถนนว่าง ทางข้างหน้า

หลุบไศล ไหล่เขิน เนินทุ่งนา                                                               มองแมกไม้ ไพรพนา แนวป่ายาง

ทั้งนาเดิม นาสาร ผ่านเวียงสระ                                             ขับไม่ละ ทั้งพระแสง แหล่งฉวาง

เฉียดนาบอน ก่อนบ่าย ขับไปพลาง                                    จอดข้างทาง แถวทุ่งสง จึงลงเอย

เกินเวลา อาหาร มิทันหิว                                                      เหลือบตาหลิ่ว หาแกงใต้ ใคร่จะเหวย

ให้แสบเผ็ด เด็ดดวง ไม่ห่วงเลย                                           รสคุ้นเคย เชยชิน จนลิ้นชา

                อยากจะถึง หาดใหญ่ ให้ก่อนค่ำ                          อิ่มจากหม่ำ รสซ่าน อาหารป่า

โชเฟอร์หมุน พวงมาลัย เร่งไคลคลา                                   อำเภอจุฬา ป่าพยอม กล่อมด้วยธรรม

คุณวีระ ธรรมะมุ่ง ผดุงชีวิต                                                  แพร่ความคิด ให้คำนึง ถึงองค์สัม

เปิดผนึก เป็นปึกเก็บ เทปพระธรรม                                    เผยถ้อยคำ นำมาสอน นั่งนอนฟัง

ควนขนุน พัทลุง มุ่งตะโหมด                                                              แล่นไปจรด ป่าบอน ค่อนความหวัง

ถึงรัตภูมิ ของสงขลาว่าไปพลาง                                          ที่ทนนั่ง  กระสับกระส่าย ก็หายพลัน

รถขวักไขว่ หาดใหญ่เมือง กระเดื่องสรวง                         เป็นเมืองหลวง ของภาคใต้ คล้ายสวรรค์

เป็นแหล่งศูนย์ เศรษฐกิจ นิจนิรันดร์                                   สาระพัน ขันแข่ง แหล่งหากิน

ติดไฟแดง แสงไฟเขียว เลี้ยวรถยาก                                    ยวดยานมาก ขวักไขว่ ไม่จบสิ้น

ยิ่งสับสน คนพาไป ไม่คุ้นชิน                                                              จอดถามวิน มอเตอร์ไซค์ ได้รู้ดี

ต้องวิ่งวน ถนนซอย คอยมองป้าย                                       อยู่แถบซ้าย หรือทางขวา หารู้ที่

จอดสอบถาม แล่นเจาะทาน กันหลายที                              เห็นพอดี ยูเทินหา โรงพยาบาล

ชื่อกรุงเทพ หาดใหญ่ ใกล้จะถึง                                          คืนนี้พึ่ง นอนพับ กับลูกหลาน

มีหับห้อง ท้องโถง เหมือนโรงพยาบาล                                              เพราะเป็นสถาน แผนไทย และแผนจีน

                นายผดุง นางนงลักษณ์ แกเจอลูก                         ผู้พันผูก ทุกข์ห่วง ดังดวงถวิล

เภสัชกร ก่อนฝึกเข้ม ฝังเข็มจีน                                            มาหากิน ที่หาดใหญ่ ไกลสามพราน

ได้พบกัน กับหมอก้อง ห้องรักษา                                       เมื่อเจอะหน้า ถามทุกข์สุข ต่อลูกหลาน

อยู่หาดใหญ่ ไกลไปหน่อย ค่อยคิดการ                                              หากกลับบ้าน ไปได้ สุขใจมี

การเดินทาง ของชีวิต ควรคิดหนัก                                      มันเรื่องยาก เจอขวากหนาม ตามวิถี

กลัวอะไร การต่อสู้ ความรู้มี                                                                ต้องราวี กับปัญหา อย่าท้อใจ

จะร้ายดี ก็พี่น้อง ต้องนึกถึง                                                 เป็นที่พึ่ง พักพา รักษาไว้

บาปไม่หนุน บุญจะมี อยู่ที่ใจ                                                              อยู่อย่าไกล เกินตา บุพการี

อันความรู้ คือนาวา พาชีวิต                                                  ไปประชิด ถึงฝั่ง สร้างวิถี

เชิญโชค บนโลกกว้าง ทางชีวี                                             จะเกิดดี ได้ชั่ว ก็ตัวเรา

แม้หาดใหญ่ ไม่ไกลตา แต่น่าห่วง                                       ยิ่งวัยล่วง เลยลับ ยิ่งอับเฉา

ใกล้วงศ์ญาติ ที่อบอุ่น เนื่องหนุนเนา                                   อยู่ใกล้เหย้า เฝ้าใกล้เรือน เหมือนเสริมบุญ

                แล้วก็ถึง มื้อเย็น เป็นมื้อหลัก                                               ปลาหมูผัก ปิ้งย่าง อย่างอบอุ่น

อร่อยเหาะ เซาะอึ้ง ซึ้งละมุน                                                                หอมกลิ่นกรุ่น ละมุนละไม ได้ลิ้มลอง

น้ำแข็งเยือก โซดาเย็น เห็นสีใส                                            รินลงไป ใส่ชีวาส จัดสนอง

โอ้มื้อนี้ ที่หาดใหญ่ หัวใจพอง                                             แก้วหนึ่งสอง ซาบซ่าน เบิกบานฤดี

ก่อนหลับนอน บ้านหมอก้อง ลองฝังเข็ม                           บำรุงเข้ม แถวหน้าแข้ง หลับสุขี

เพราะละเหี่ย เพลียทั้งวัน หลับฝันดี                                    แผนพรุ่งนี้ ไปล่อเป้า เข้าเบตง

                ครั้นรุ่งลาง สว่างแจ้ง แสงระเรื่อ                          เก็บผ้าเสื้อ สอดใส่ ใจประสงค์

ให้อิ่มหนำ สำราญเสร็จ สักเจ็ดโมง                                      สู่เบตง ที่หมาย ตั้งใจมี

จากสุขจิต แพทย์แผนจีน ไปกินข้าว                                    ซาลาเปา ติ่มซัม หม่ำอิ่มหมี

ไอน้ำซึ้ง นึ่งสดสด รสชาติดี                                                 ทุกอย่างมี เลือกได้ วางก่ายกอง

เดินเลือกเข่ง เล็งเล็กใหญ่ ใส่ในถาด                                    คนขายจัด จับวางซึ้ง นึ่งสนอง

เทน้ำแจ่ว  รินน้ำจิ้ม ใครลิ้มลอง                                           ไม่เป็นสอง เยาวราช ก็แล้วกัน

                มุ่งทะเล สู่เทพา ผ่านนาหม่อม                              ทุกคนพร้อม พลังใจ มิไหวหวั่น

ถึงจะนะ ยังฉลุย เสียงคุยกัน                                                 คงดังลั่น ทั่วคันรถ สดชื่นบาน

ทุ่งโตนด จรดแหลมเสม็ด มาโคกม่วง                                                ต้องหายง่วง ห่วงระวัง เพราะต่างย่าน

บางสะกอม กรงอีตำ เลาะลำธาร                                          หาดสร้อยสวรรค์ บ้านคลองควาย ไปปาแด

เมื่อสุดเขต สงขลา ฝ่าหนองจิก                                             หลบขวาหลีก ปัตตานี มิแยแส

ถึงแยกเขา บ่อทอง จ้องตาแล                                               มุ่งแน่วแน่ ลืมวิตก ถึงโคกโพธิ์

ระหว่างย่าน ผ่านมา น่าร่มรื่น                                               แมกไม้ดื่น ดาษดง คงสุโข

ระริกแดด แผดผลิ จากสุริโย                                                                จิตพองโต โผล่เข้ามา หาเพศภัย

ผู้เฒ่าแก่ เสียงคุยกัน มิพรั่นจิต                                              ใช้ชีวิต ให้คุ้มค่า หาที่ไหน

อยากมาดู ให้แถลง แจ้งแก่ใจ                                               ประเทศไทย ใครเจ้าของ ลองคิดดู

สองข้างทาง เป็นทุ่งนา ป่าละเมาะ                                        ข้างในเจาะ เป็นสวนยาง สะพรั่งสุดกู่

กลุ่มทหาร ตั้งด่านกรวย คอยช่วยดู                                     เพราะไม่รู้ ว่าเมื่อใด ภัยจะมา

เงียบสงบ อึมครึม แทบลืมโลก                                            เคยวิโยค ที่หลายคน ทนถูกฆ่า

ไม่จบสิ้น แผ่นดินใต้ ไฟลามมา                                           ร้าวอุรา ร้าวระอุ ปุถุชน

                บ้านนาเกตุ มุ่งเข้าหา หลังคาจาก                          ขับไม่ยาก ด้วยรถว่าง ทางถนน

เฉียดช้างให้ คูหาภิมุข เราทุกคน                                          ได้เยี่ยมยล แค่ลัดเลาะ เมืองยะลา

แม้นไม่รู้ ดูตลาด ก็อาจนึก                                                   ได้รู้สึก ว่าพวกเรา เข้ามาหา

ต้องไปตรง กรงปีนัง บันนังสตา                                         ทำเวลา ฝ่าธารโต โผล่เบตง

บนเส้นทาง ว่างเปล่าเปลี่ยว เสียวจริต                                 ต้องเสริมจิต ให้จรุง ขึ้นสูงส่ง

หากระเบิด มันตรงเป้า ก็เข้าโลง                                          ผ่านป่าพง ดงเขา เนาพนา

เพลินพะวง หลงใหล ในทิวทัศน์                                         แนวไศล ไพรชัฏ ตัดฟากฟ้า

ทุเรียนปาล์ม ตามเส้นทาง ยางพารา                                     ยืนสง่า อย่างท้าทาย ภัยใต้ดิน

หนุนขับรถ คดโค้ง ทั้งลงขึ้น                                                               เมฆทะมึน คลื่นเคลื่อน เหมือนภาพศิลป์

แหล่งบินหลา โชนโชย ชอบโบยบิน                                 กลับคืนถิ่น ทองไทย ใจอาวรณ์

                แวะแหล่งแรก แหวกออกขวา หามื้อเที่ยง          อยู่ข้างเคียง หลุมแร่ บ่อน้ำร้อน

บริการ นักท่องเที่ยว เทียวสัญจร                                         ได้พักผ่อน หย่อนแช่ แก้โรคภัย

ทัวร์พวกรา เข้าในร้าน ทานก๊วยจั๊บ                                     พอรับทราบ เรื่องชื่อเสียง สิ้นสงสัย

ดังกระฉ่อน เลื่องลือ ชื่อเสียงไกล                                       น่าสนใจ ใช้แน่นอน ช้อนด้ามยาว

ซื้อที่ไหน ไต่ถาม ตามภาษา                                                  จะซื้อหา มาตั้งหลัก ตักกับข้าว

พอรู้ช่อง ต้องตาม ความเรื่องราว                                         เป็นเรื่องยาว คราวซื้อฝาก จากเบตง

ฝ่ายนายเปี๊ยก แกเรียกชิม จนอิ่มปรี่                                     พวงมณี รสทุเรียน จนไหลหลง

กินของดี ที่หายาก จากเบตง                                                 ไปเดินหลง เสียหลายรอบ หอบทุเรียน

คิดซื้อต้น ค้นหาพันธุ์ นั้นยากนัก                                         ครั้นว่าหาก หาได้ คงหลายเหรียญ

อยู่ในรถ ยังประทิน กลิ่นทุเรียน                                         รถขับเวียน ไต่ภูผา มาถ้ำจีน

หนุนจอดรถ รอคอย คนเข้าถ้ำ                            ลุงรอดนำ คลำไต่ ไม่หันหิน

                เสียค่าตั๋ว เดินตาม ข้ามโขดดิน                                             ห้อยป่ายปีน ค้ำยัน ขั้นบันได

ก้าวขาปั่น บันไดสูง สุดภูผา                                                 ส่งเสียบฟ้า หาไม่เห็น เป็นไฉน

มองจากภาพ ถ่ายเฉพาะ เจาะถ้ำไกล                                    เพื่อเอาไว้ สู้ต่อต้าน ด้านการเมือง

สามสิบบาท ไม่ขาดเกิน ได้เดินเหนื่อย                                               แม้ขาเมื่อย ก็อยากดู ให้รู้เรื่อง

พวกโจรจีน มะลายา มากวนเมือง                                        หรือเป็นเรื่อง คนคิดแย่ง แบ่งดินแดน

สูงสุดกู่ ปีนก้าวไป ไม่หวาดหวั่น                                        โยกไม้ยัน ดันไปเรื่อย แม้เหนื่อยแสน

ถึงยอดเขา เข้าในถ้ำย่ำถึงแดน                                              มันเหมือนแม้น สนามเพลาะ เจาะเป็นรู

เมื่อเครื่องบิน ทิ้งระเบิด ไม่เปิดถ้ำ                                       อยู่ประจำ นำเสบียง เพียงพอสู้

ข้าศึกเผลอ เจอจีนเก๋า เข้าพันตู                                             การต่อสู้ ก็เพื่อแผน แดนกันชน

ชื่ออุโมงค์ ปิยมิตร คิดไว้ถ้วน                                                             หลืบหลบล้วน มีหลากหลาย ในสถล

หาทางออก ยากเข็ญ ไต่เวียนวน                                          ผนังล่างบน ชุ่มฉ่ำ น้ำชะนอง

ผู้บรรยาย อธิบายฟุ้ง ให้ลุงรอด                                           ตอบตลอด ทุกคำถาม นำสนอง

อากาศน้อย หายใจยาก ไม่อยากลอง                                   นงลักษณ์มอง พบทางได้ ปลายอุโมงค์

ตอนขาลง ลงได้ ไม่ค่อยเมื่อย                                              เดินมาเรื่อย พักหนึ่ง ถึงห้องโถง

นิทัศน์การ อุปกรณ์ ที่ย้อนโยง                                            ชมอุโมงค์ ปิยมิตร ดังหมายปอง

                จากอุโมงค์ ปิยมิตร ติดที่เขา                                                ชมดอกไม้ ของเมืองหนาว โครงการสนอง

มีหลากพันธุ์ สรรค์แหล่ง แปลงทดลอง                                              งามละออง เมืองในหมอก ดอกไม้งาม

ทั้งแอสเตอร์ ฮอลี่ฮ๊อต ดอกสล้าง                                        บานสะพร่าง ประดับไว้ เมืองใต้สยาม

องค์เทพรัตน์ ทรงจัดให้ ในเขตคาม                                    เบตงงาม ด้านจิตใจ เหมือนไม้พันธุ์

ในศาลา รับรอง นักท่องเที่ยว                                                              มีหวาดเสียว จากภูผา เพราะฟ้าลั่น

ทั่วทุกหน ฝนฟ้ารั่ว อย่างมัวมัน                                           หลบพัลวัน คอยฝน จนสร่างซา

                พอฝนจาง เดินทางต่อ ขอลาก่อน                        โรงแรมนอน ร่อนไปเสาะ ลัดเลาะหา

แสนเสียดาย พันธุ์ไม้ดอก ที่บอกลา                                    ต้องรีบแย่ง แข่งหา พวกมาเล

มีให้เลือก แหล่งนอน ก่อนตัดสิ                                          ใกล้ที่กิน โรงแรมสง่า ชื่อคาเธ่ย์

ตัดใจเลือก เฮือกสุดท้าย ไม่โลเล                                         ไปเดินเก่ กรีดกราย ตลาดกลาง

ตลาดเย็น เห็นหน้า แม่ค้าน้อย                                              เดินทยอย เรียงแถว เป็นแนวหาง

เราแปลกหน้า มาใหม่ ไม่รู้ทาง                                             ต้องเดินพลาง ดูพลาง อย่างตื่นตา

คนเบตง อยู่ดินแดน แสนสงบ                                             คนอยากรบ ไม่อยากไป ให้แปลกหน้า

เบตงรุ่ง จำรัสเรือง เท่าเมืองยะลา                                         ใครที่มา หาพำนัก มักคนดี

เศรษฐกิจ การค้าขาย ก็ไปสวย                                             ธรรมชาติ ก็อำนวย ทุกถิ่นที่

เดินไปดู ตู้ใหญ่ ไปรษณีย์                                                    ประวัติมี ให้ศึกษา มายาวนาน

ลอดอุโมงค์ เจอมัสยิด ทั้งคริสต์พุทธ                                  งามวิสุทธิ์ ทุกศาสนา มหาสถาน

วัฒนธรรม เก่าแก่ ที่แน่นาน                                                 ใจบุญทาน ถ้วนทั่ว ทุกตัวคน

ทุกศาสนา กลมกลืน ยึดยืนมั่น                                             อยู่ร่วมกัน อย่างเป็นสุข ทุกแห่งหน

ครอบครัวเคร่ง ไขว่คว้า หามงคล                                       อยู่ปะปน ด้วยจริต ที่คิดดี

                เย็นวันนั้น สรรค์หา ร้านอาหาร                           ภัตตาคาร แพงใหญ่ นั่นใช่ที่

ถูกคนเช่า เหมาไป เป็นไรมี                                                  ร้านยินดี ภัตตาคาร ทานสบาย

สั่งอาหาร พื้นเมือง เลื่องลือชื่อ                                             ดังระบือ ทั่วสยาม มีหลามหลาย

ร้านยินดี มีฝีมือ ชื่อไว้ลาย                                                    ราคาขาย คงในย่าน ที่ปานกลาง

กบภูเขา ทอดเอามา อย่าวิตก                                                จานเคาหยก ยกมาเรียง ตั้งเคียงข้าง

ผัดผักน้ำ ไก่เบตง ลงมาวาง                                                   เอาผัดหมี่ ที่อยู่กลาง สั่งมาเติม

ขอปลาจีน กินตัวหนึ่ง นึ่งด้วยบ็วย                                     แถมเฉาก๊วย โบราณ เป็นจานเพิ่ม

จะอิ่มหมี มีโซดา ขอมาเติม                                                  แก้วประเดิม เติมเต็ม ถึงเบตง

                แต่ไม่ลืม ของดี ที่ต้องหา                                      ต้องซื้อมา ให้จงได้ ไม่ไหลหลง

ช้อนด้ามยาว เอาจนได้ ในเบตง                                           สมประสงค์ กลับหาดใหญ่ ใจเบิกบาน

ตื่นเช้าพลัน สรรค์หา อาหารเช้า                                           ขับลอดเขา เข้าอุโมงค์ ตรงสถาน

พุทธาธิวาส พระองค์ใหญ่ ให้บุญทาน                                 สุกตระหง่าน งามทรวดทรง องค์เจดีย์

สถาปัตยกรรม โดดเด่น เห็นสง่า                                         บรรจุมหา บรมธาตุ สาดสุกสี

พระพุทธธรรม ประกาศ ราชราชินี                                      ประดิษฐ์เจดีย์ ที่ยอดเนิน เพลินสุดตา

แลพระพุทธ ธรรมกาย สายกุศล                                          มงคลประยูร เกศานนท์ ท้นเทียมฟ้า

สุพิธาน ชื่อนี้ มีที่มา                                                               คู่พระศาสดา พุทธองค์ เบตงนาม

                เสี้ยวเวลา ที่มาเยือน เหมือนได้อยู่                       กำไลรู้ ดูทัศนีย์ เมืองศรีสยาม

ทางที่ไกล ได้ยินชื่อ เลื่องลืองาม                                         เมืองสยาม นั้นยังมี ที่ทัศนา

ต้องลาก่อน เบตง คงรำลึก                                                   เก็บรู้สึก ฝังที่ใจ ขอใฝ่หา

ไม่เคยหวัง ครั้งสุดท้าย จะได้มา                                          ภาวนา จะมาใหม่ ใต้ร่มเย็น

                มุ่งไปเยือน เขื่อนบางลางเส้นทางผ่าน                 งามตระการ หล่อเลี้ยงใต้ ใคร่อยากเห็น

แม้นจะมี เหตุอะไร ใจไม่เอน                                                              ต้องไปเห็น ทัศนีย์งาม น้ำบางลาง

จากเบตง เข้าธารโต โอ้ระทึก                                                               ความรู้สึก สิ้นสงสัย ไปต่างต่าง

เหมือนมีใคร จ้องมอง สองข้างทาง                                     ถึงระวัง คงไม่พ้น เมื่อคนปอง

ทัวร์สบาย ตั้งใจซื้อ คือไม้กวาด                                           ไม่ประหลาด เรื่องราคา ถามเจ้าของ

ธรรมดา ราคาซื้อ คือต่อรอง                                                 จึงได้ของ มาแบ่งปัน กันทุกคน

ของชาวบ้าน ร้านริมทาง เขาวางขาย                                    มีพันธุ์ไม้ หลายชนิด ติดถนน

เช่นพืชสวน พืชไร่ ไม้ป่าปน                                                                เห็นรถขน ขึ้นไปขาย ไม่ขาดตอน

                ถึงตำบล บาเจาะ ลัดเลาะเลี้ยว                              เส้นทางเปลี่ยว น่าเสียวใจ หลายปีก่อน

เวลานี้ ที่ระวัง คือทางจร                                                       ความแรงร้อน ค่อนข้างกรุ่น ลุ้นเสี่ยงไป

สิบสองกิโล โอ้แถวทิว ริ้วสวรรค์                                       พรพระพรหม โลมเสกสรร นั่นไฉน

ชมเสน่ห์ บาเจาะ เลาะเลียบไป                                             ชมไศล พงไพรทุ่ง มุ่งบางลาง

ขับอย่างศิลป์ ปีนขึ้นไป ใช้เกียร์ต่ำ                                     ไม่ผลีผลาม ละห่ามเร็ว เหวอยู่ข้าง

ทะเลสาบ ซับนที ศรีบางลาง                                                                ฟ้ากระจ่าง สว่างใส ไศลทิว

ภาพประทับ ประดับใจ ให้นานเนิ่น                                    พระพายเพลิน พลิ้วเนินพนา พาสยิว

แลเขื่อนดิน หินซ้อน นอนเป็นทิว                                       ลิบละลิ่ว ทิวสุดตา น่าชื่นชม

โอ้บางลาง ครั้งนี้มา พาใจอิ่ม                                                               ได้รสลิ้ม บาเจาะ งามเหมาะสม

ลืมไหวหวั่น อันตราย ได้มาชม                                           สุดรื่นรมย์ เขื่อนบางลาง ฝังในใจ

                ไม่เสียที ที่ได้เห็น ความเร้นลับ                            ตอนขากลับ ขับทางเก่า เขาสงสัย       

ทัวร์ชุดนั้น มันช่างกล้า มาทำไม                                          อันตราย อยู่รอบด้าน มันไม่กลัว                        

คิดจะเที่ยว เสียวก็รู้ อยู่โทนโท่                                           ที่ธารโต บันนังสตา มีค่าหัว

เคยแต่ทำ กรรมดี มิต้องกลัว                                                                คนคิดชั่ว เท่านั้น  มันเป็นไป

                จากบางลาง กลับทางเก่า เข้าเส้นหลัก                  ไม่หยุดพัก อยากจะบึ่ง ถึงหาดใหญ่

เป็นเวลา ทิวาวัน รีบดั้นไป                                                   เพื่อเข้าใกล้ นครปฐม ให้สมคะเน

ค่ำที่ไหน นอนที่นั่น มันไม่ยาก                                           ถึงลำบาก ก็ไม่หวั่น ให้หันเห

มื้อกลางวัน ที่หาดใหญ่ ไม่โลเล                                          จะเลี้ยวเห หาหมอก้อง กล่าวอำลา

เส้นทางเดิม รถคันเก่า เขาให้ผ่าน                                         แต่ละด่าน โบกให้ไป เขาไม่ว่า

เปิดรถจ้อง มองมาเห็น เป็นลุงอา                                         โน่นก็อี้ นี่ก็ป้า โปรดรีบไป

ตลอดทาง นั่งวิจารณ์ มานานโข                                           ย้อนโพธิ์ เทพา มาหาดใหญ่

มื้อกลางวัน กรุ่นกล่อม หอมละมัย                                     ลาหลานชาย มุ่งไปเหนือ เหลือร่องลอย

                นายหนุนขยับ ขับฉลุย ลุยถนัด                           บึ่งสุราษฎร์ ธานี เมืองมีหอย

ไม่คณา ฟ้าฝน ที่หล่นปรอย                                                 หวังนอนคอย ฟ้าสว่าง เส้นทางยาว

พักโรงแรม ไทยรุ่งเรือง เรื่องไม่ยุ่ง                                     หนุนหอบถุง ขวดใหญ่ ไปกินข้าว

ร้านลักกี้ มีของกิน จีนไทยลาว                                            เรียกว่าเหลา เมืองสุราษฎร์ รสชาติดี

นั่งโต๊ะกลม อาหารกอง มาลองลิ้ม                                      ต่างซดชิม ไล่หิว ซิวเต็มที่

กลับโรงแรม พร้อมกัน นอนฝันดี                                       นัดอีกที ตีห้า มาพบกัน

                ก่อนจะกลับ หลับที่ห้อง สองศูนย์เก้า                 โรงแรมเก่า เล่าเรื่องจริง ไม่อิงฝัน

กายสัมผัส กับสิ่งใด ไม่รู้ทัน                                                 เกิดฉับพลัน ขนชันซู่ เริ่มรู้ที

เดินออกมา หน้าประตู ขนซู่ซ่า                                            ชักประหม่าในจิต ไม่คิดหนี

ลืมรองเท้า ปิดไฟ ทำไงดี                                                     ย้อนอีกที เข้าก้นห้อง จ้องหยิบมา

มืดสลัว มิกลัวใด คนใจแข็ง                                                 มีเพียงแสง นิดหน่อย ค่อยค่อยหา

สรวมรองเท้า แคล่วคล่อง ย่องออกมา                                ขนลุกซ่า เอาอีกครั้ง ไม่ตั้งใจ

มือค่อยแง้มตรงประตู ตรวจตราทั่ว                                    ไม่เห็นตัว สักนิด คิดสงสัย

คุณนงเยาว์ เขาไม่รู้ เพราะอยู่ไกล                                        อำลาไป ก่อนนะเจ้า อย่าเศร้าซม

                มาตลาด ใส่บาตรพลัน แผ่ทานเผื่อ                       สร้างบุญเจือ ไล่ทุกข์ เจอสุขสม

รับมงคล ผลชื่น ได้รื่นรมย์                                                  สิ้นทุกข์ตรม สิ้นเศร้าทรวง สิ้นห่วงใย

ไปจอดรถ หลังตลาด มองกวาดหา                                     เห็นกองปลา กุ้งหอยปู หมูเขียงใหญ่

พอได้ปลา หาซื้อกล่อง อีกสองใบ                                      น้ำแข็งใส่ ไว้ช่องหลัง ตั้งซ้อนเรียง

เลยสุราษฎร์ ไปเรื่อยเรื่อย เมื่อยก็ยั้ง                                    แวะริมทาง ลงจับจ่าย ไม่ฟังเสียง

ทุเรียนรัด มัดสะตอ ห่อลูกเนียง                                          กำใบเหลียง สอดข้างล่าง นั่งพอดี

                จากสุราษฎร์ ลัดชุมพร จรประจวบ                     รถเลี้ยวสวบ บางสะแก แลสดสี

ค้นรีสอร์ท ดอดเข้าหา ริมวารี                                                              อาหารดี รสเด็ด ทั้งเผ็ดมัน

ท้องทะเล กระแสลม ชมทิวคลื่น                                         ไม่ราบรื่น เท่าภายใน ดวงใจฉัน

เพราะสัจธรรม นำสยบ สงบงัน                                            สองสามวัน ที่ผ่านสุข ทุกข์ละลาย

ไกลสุดตา ฟ้าจรดน้ำ เมื่อยามเที่ยง                                       วิหคเสียง ก่นกู่ เพราะคู่หาย

ผสมเสียง เคียงเสนาะ น้ำเซาะทราย                                      สนเรียงราย ริมชายหาด ตรึงมัดใจ

ลุงรอดตั้ง สั่งโซดาขอมาแกล้ม                                            รสชื่นแช่ม อาแหร่มแท้ แน่ไฉน

เหลือก้นขวด ดวดมื้อหน้า เก็บพาไป                                  ตอนเย็นใช้ ล้างคอ คงพอดี

                พอบ่ายจัด ลัดช่องเขา ด่านสิงขร                         มีแสงแดด แผดร้อน สุรีย์ศรี

ตลาดเตียน เขาเปลี่ยนใหม่ ให้ดูดี                                        จัดเข้าที่ ขายเข้าทาง วางในลาน

เฟอนิเจอร์ ไม้พม่า แผ่นหนาใหญ่                                        ตั้งเรียงราย ขายตรง ส่งถึงบ้าน

กล้วยไม้แขวน แสนสวยแปลก ดอกแตกบาน                   สวยทนทาน สักปานใด ทำไมแพง

ด้วยเพราะแดด แผดจัด สงัดเงียบ                                         ป่าไม้เรียบ เขาถางสิ้น ดินระแหง

ฉันนั่งรอ คอยขึ้นรถ จะหมดแรง                                        ปากคอแห้ง แทบรันทด หมดกำลัง

                เข้าประจวบ เขากระจก ระหกเหิน                                      ลงไปเดิน ตาหม่องร่าย ไร้ความหวัง

ปูไม่มี กุ้งไม่มา ปลาไม่วาง                                                   ขึ้นมานั่ง ในรถตู้ ดูทะเล

อ่าวมะนาว ภูเขาแหลม สูงแซมฟ้า                                        ครั้งเคยมา เมื่อนานเนิ่น เคยเดินเก่

ฟังเสียงสน บ่นกับทราย ที่ชายเล                                         ซัดโซเซ เซาะทราย คงมายเมา

มุ่งที่หมาย ก่อนไปบ้าน ทานอีกมื้อ                                     ขออิ่มตื้อ ที่ราชบุรี มีทิวเขา

มองเขางู ดูเขากรวด ดวดสักเมา                                           ลุงรอดเขย่า เอาถุงวาง แล้วสั่งคอย

เป็นร้านใหม่ ไม่เคยมา อาหารเยี่ยม                                     รสเปรมเปี่ยม เต็มจาน บริการไม่ย่อย

เขาตกแต่ง เป็นเรื่องราว ชาวคาวบอย                                  ดื่มรอคอย สะเต็กเนื้อ เผื่อเวลา

                ต้องยอมรับ กับข้าวดี มีสีสัน                                พออิ่มพลัน หันขึ้นรถ ไม่รอช้า

ผ่านเจดีย์ องค์พระปฐม ก้มวันทา                                        สุขอุรา จากเบตง ลงสามพราน

                                                                        *****