นิราศตรัง กระบี่

                                                                                                 ฉ่ำฤดี มีความสุข ทุกคนชื่น

       สามวันล่อง ท่องเที่ยวใต้ ไปสามคืน                                   ธรรมชาติ ที่ดาษดื่น ด่ำดวงใจ

โผฏฐัพพะ กระทบกาย ได้สัมผัส                                         สิ่งอุบัติ ในโลกา มีมาให้

วงแวดวิว พลิ้วเสน่ห์ ทะเลไทย                                           ดินแดนใต้ แปซิฟิก อันดามัน

ทุกวัยเพศ เจตนา อาหารจิต                                                  เขาอยากไป ได้เชยชิด สิ่งคิดฝัน

ผดุงจัด ตัดสินใจ ไปด้วยกัน                                                                รถสองคัน ยี่สิบคน ไปยลตรัง

ถิ่นรุ่งเรือง เมืองทับเที่ยง เพียงหลงใหล                                              งามหาดทราย ซบสายชล ดังมนต์ขลัง

หมู่เกาะงาม ถ้ำน้อยใหญ่ ให้ภวังค์                                       หมูกรอบดัง อุดมลิ้น ถิ่นป่ายาง

อันดามัน ด้นดั้นเกาะ เลาะกระบี่                                         สั่นฤดี หาดสีขาว อ่าวเวิ้งว้าง

สะดวกไหน พักนั่น สวรรค์เดินทาง                                    เที่ยวชมอ่าง น้ำสะอาด รัชประภา

ไปให้รู้ ดูให้เห็น เป็นขวัญมิ่ง                                                               สรรพสิ่ง ยิ่งเร้นลับ จับศึกษา

สิ่งสงสัย หายถวิล จินตนา                                                     ฝักใฝ่หา ให้ชีวิน ก่อนสิ้นลม

นับย้อนหลัง ปางมะผ้า พาไปท่อง                                        เสียงร่ำร้อง ต้องไปอื่น ให้ชื่นสม

คุณผดุง จัดได้ดี มีคนชม                                                        ได้อารมณ์ สมฤดี ทุกที่ไป

คุณทวี มีลูกสาว เขามาเยี่ยม                                                   จัดเต็มเปี่ยม อยากจะเทียว เที่ยวท่องใต้

อเมริกา มิได้เปรียบ เมื่อเทียบไทย                                       ตัดสินใจ ไม่แชเชือน เดือนกุมภา

           เย็นวันที่ ยี่สิบเอ็ด เตรียมเสร็จพร้อม                          หลบทางอ้อม ออกทางลัด ตัดเข้าหา

มุ่งบ้านแพ้ว แล้วขยับ ขับตามมา                                           วกซ้ายขวา พระรามสอง มองแสงไฟ

เบอร์ห้าสี่ เซนโยเซฟ อุปถัมภ์                                               เบอร์สี่สาม ตามมาติด อย่างชิดใกล้

วิทยุถือ สื่อกันมา ว่ากันไป                                                    จอดที่ไหน จอดด้วยกัน น้ำมันเติม

หญิงกระชุ่ม ชายกระชวย ด้ายแอร์ฉ่ำ                                   เพิ่งพลบค่ำ ยามขาไป ใจฮึกเหิม

ข้าวต้มมัด เจ๊จัดหา มาเพิ่มเติม                                                ขอประเดิม เสริมตุนไว้ ก่อนไส้คลอน

ลูกทุ่งแผ่ว คุยแจ้วเจื้อย ไม่เมื่อยขา                                        พลิกซ้ายขวา หาพนัก พิงพักผ่อน

ต้องนั่งทน หนทางยาว เราต้องนอน                                     สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ยามค่ำคืน

        ปตท.  ริมทาง ช่วยสร่างเหนื่อย                                     แวะไปเรื่อย เมื่อยที่ท้อง ไม่ต้องฝืน

ไม่ยอมอั้น อืดออด ตลอดคืน                                               ออกไปยืน ยืดแข้งขา หาของกิน

วังมะนาว เข้าเมืองปราณ ผ่านท่าแซะ                                    เราจอดแวะ กาแฟผง ชงอย่างศิลป์

น้ำตาลนิด กาแฟหน่อย ค่อยๆริน                                          ได้ลิ้มลิ้น อรรถรส สดโอชา

อยากชมวิว ทิวทัศน์ ที่ทางผ่าน                                              ดูอาคาร บ้างช่อง ร่องคูหา

อยากชมสวน แมกไม้ ทุ่งไร่นา                                              อาหารตา อาหารใจ ให้ชีวัน

ไปกลางคืน ไม่ฝืนมอง ต้องขากลับ                                      บางคนหลับ พับคอ ขอไปฝัน            

คนที่ฟื้น ตื่นฉลุย ก็คุยกัน                                                      อยากจะฝัน ก็ขยับ หลับตาลง

ตะวันแจ้ง แสงกล้า เริ่มมาถึง                                                 เลี้ยวซ้ายบึ่ง เต็มฮ้อ อ๋อทุ่งสง

จอดสนิท ชิดขอบรั้ว ทัวร์เริ่มลง                                          เดินงงงง หาอาหาร เพียงจานเดียว

ริมทุ่งสง ไม่ตรงไป ใกล้ตลาด                                              ขอแค่จัด การเช้า ข้าวก๋วยเตี๋ยว

จะรีบต่อ ห้อตรัง พอยังเยียว                                                 ไม่ยุ่งเกี่ยว กับทุ่งสง จอดลงกิน

เพื่อให้ครบ ขบวนตอน กลอนนิราศ                                    บรรยายขาด อาจจะเสีย ในเชิงศิลป์

ย้อนอำเภอ ผ่านหลายชื่อ ที่เคยชิน                                        มีพุนพิน พระแสงเวียงสระ ถ้ำพรรณรา

มีนาบอน นาเดิม เติมนาสาร                                                   หนทางผ่าน ตอนมืดค่ำ สุดพร่ำหา

มองละแม ท่าชนะ และไชยา                                                 ในนิทรา ผ่านมาเคียง กับเสียงกรน

กอดแผนที่ คู่มือ ถือไว้แน่น                                                  เพ่งจนแผ่น เจียนไหม้ มิได้ผล

ก่อนนอนตรัง หวังแวะ เพื่อแลยล                                        ขับรถวน เที่ยวท่อง ล่องแพไพร

       แดดยังอ่อน ก่อนเที่ยง รถเคียงคู่                                    แล่นไปสู่ เขากอบ รอบไศล

แหงนมองดู ภูชัน อัศจรรย์ใจ                                                งามกระไร ไศลหิน กระสินธุธาร

เมื่อจอดรถ ลงไป เพื่อไต่ถาม                                                พอได้ความ นำปฏิบัติ มาตรฐาน

ก้าวลงเรือ ลอยลำ ลอดถ้ำธาร                                               งามตระการ อาหารตา ได้มาเยือน

ธรรมชาติ วาดลวดลาย ใครสรรค์สร้าง                                ไทรสล้าง เทพทาโร โอ้ใดเหมือน

ใบแก่เก่า เจ้าลอยมา ใจข้าเตือน                                             คงจะเหมือน ใบของเจ้า เมื่อเข้าวัย

มองดูราก ยั้วเยี้ย เรี่ยกระสินธุ                                               เจ้าหากิน เลาะเลื้อย เจ้าเมื่อยไหม

ข้ามาเยี่ยม เจ้าถึงนี่ จงดีใจ                                                      ขอผ่านไป ชมในถ้ำ ฉ่ำวิญญา

นั่นหินงอก ดอกหินย้อย ข้าคล้อยเคลื่อน                            นายท้ายเตือน ก้มหัวหน่อย ระวังหนา

ขอสัมผัส เข้าเคียง เพียงสายตา                                               ผ่านธารา กระเพื่อมพรม ด้วยฝีพาย

ตอนขาเข้า เจ้าให้นั่ง ระวังหัว                                                ความมืดมัว ตอนในถ้ำ คลำไฟฉาย

พอสาดแสง ทุกแห่งหิน ศิลป์ลวดลาย                                  ละเลื่อมพราย แพรวพร่าง ดังเพชรพราว

ถึงก้นถ้ำ หยุดจ้ำจอด เดินลอดเลาะ                                       ดังเทพเจาะ เอาไว้ให้ อยู่ใต้เขา

หินตาตั้ง ข้างหินยาย สวยไม่เบา                                            นามของเจ้า ข้าขอจำ ชื่อถ้ำเล

ตอนขาออก นอกถ้ำ จำได้แม่น                                             ยากสุดแสน เหลือเข็ญ เป็นเสน่ห์

ช่วงเล็ดลอด แคบแต่เรือ ไม่เผื่อเซ                                        ถ้าพายเป๋ เหกระทบ ขบขอบเรือ

ต้องนอนหงาย หายใจรด โขดภูเขา                                      ทับอกเรา เข่าคุดคู้ อยู่ทุกเมื่อ

หลายร้อยวา หลายนาที ที่นอนเรือ                                       ความหวังเพื่อ ได้สะเดาะ เคราะห์ละลาย

จินตนาภาพ รับว่าเชื่อ เมื่อเรือล่อง                                        ได้ลอดช่อง ท้องมังกร ด้วยนอนหงาย

หินกับน้ำ ใกล้ชิด ติดกับกาย                                                 เรือต้องพาย หลบหิน ชินชำนาญ

หัวท้ายจ้ำ พร่ำเตือน เหมือนเป็นห่วง                                    พอหลุดล่วง ออกมา น่าสงสาร

นอนภูเขา ทับหน้าอก หมกอยู่นาน                                       ขึ้นจากธาร ฝากทุกข์ไว้ ใต้มังกร

ห้วยหนองคล้า ผานางคอย หินย้อยหยด                              ขอจำจด การผจญภัย ในอนุสรณ์

ลาห้วยยอด จังหวัดตรัง ยังอาวรณ์                                        งามด้วยกลอน ไม่เท่าครึ่ง กึ่งบรรยาย

     จากเขากอบ วนรอบถ้ำ เรือนำลอด                                  รถไปจอด ถ้ำไม่ห่าง เขาช้างหาย

เดินขึ้นถ้ำ คงเหนื่อยหนัก ต้องพักกาย                                  ขาผ่อนคลาย เชิงภูเขา เพื่อเข้าชาน

มีพี่รัตน์ กับลุงรอด ยอดนักสู้                                                ขอไปดู เรืองอิทธิ อภินิหาร

หนองช้างทอก ช้างพ่นน้ำ ลำท้องธาร                                   คนพบพาน ใช้อาคม รมผ้าแดง

ดึงแค่หาง ตัวช้างหาย ไปในถ้ำ                                              หางนั้นกลาย เป็นทองคำ ความลับแฝง

เป็นเรื่องเล่า เคล้านิยาย ไม่เปลี่ยนแปลง                               บันทึกแสดง ประวัติถ้ำ คือตำนาน

คณะทัวร์ ท่องเที่ยว ไม่เซียวซีด                                            ด้วยอิทธิฤทธิ์ จิตธรรมะ ปาฏิหาริย์

ลอดถ้ำช้าง ทางหมอบก้ม ชมตระการ                                  ถ้ำโบราณ เบิกบานจิต ติดตรึงตรา

ชมช้างหาย ออกไปต่อ จ่อเส้นหลัก                                      มาลึกมาก จึงขับวน เพื่อค้นหา

ผ่านภูเทือก เรือกสวนไร่ชายทุ่งนา                                        เห็นปลูกหญ้า ชอุ่มทั่ว เพื่อวัวชน

ข้ามโขดคลอง มองวาดวิว ลิ่วไศล                                        พฤกษ์พันธุ์ไพร ไม้ปาล์มยาง หว่างถนน

เกษตรกรรม ทำเลี้ยงท้อง ผองปวงชน                                  แต่ยากจน เพราะผลผลิต น่าคิดจัง

ทัวร์ทวี ทัวร์ผดุง มุ่งมื้อเที่ยง                                                 คลานเลาะเลี่ยง เจอทางใหญ่ ได้ความหวัง

แดดสลัว หมอกมัวสะลืม เมฆครึ้มบัง                                  ป้ายชี้ทาง ลุยไปแหลก แยกนาโยง

ไม่อิดออด จอดนาโยง ลงจากรถ                                          มองของสด ในตลาด วาดประสงค์

ป้ายเครื่องดื่ม โฆษณา เดินหน้าตรง                                      แล้วนั่งลง สั่งอาหาร แบบจานเดียว

มองแม่ค้า หน้ามุ่ย ยืนลุยผัด                                                   ดูท่าทาง ตะหลิวตะหวัด ผัดก๊วยเตี๋ยว

ขอถามหน่วย แห้งหรือน้ำ ทำแป๊ปเดียว                               เจอยาเยียว ผัดซีอิ๊ว หายหิวเลย

    ครั้นอิ่มหนำ สำราญพุง มุ่งเดินหน้า                                   เทียวเสาะหา แหล่งพัก ไม่อยากเฉย

ขับรถเลี้ยว เที่ยวกัน ทั้งวันเลย                                              ไปลงเอย ที่วะนะ อุทยาน

สวนพฤกษ์ศาสตร์ สากล แห่งภาคใต้                                    บ้านทุ่งค่าย เดินค่อยค่อย ย่อยอาหาร

ตั้งใจเดิม จะไปเพลิน เดินสะพาน                                         เรือนยอดไม้ สูงตระหง่าน ตระการตา

พอชาวทัวร์ เดินมาถึง บึ่งปีนป่าย                                          ขึ้นไปไต่ บันไดลิ่ว เหนือทิวป่า

แต่ฉันขอ รอข้างล่าง นั่งนวดยา                                             เพียงเดินมา ขาก็ฉิ่ง นั่งนิ่งคอย

เพลินชมป่า พนาเวศ เขตภาคใต้                                            ชื่อต้นไม้ แม้ไม่หมด จดไว้หน่อย

ส่งพลัง ไปยังป่า ฝ่าลมลอย                                                    ป่าจงคอย อย่าน้อยใจ ให้ข้าชม

    มองต้นเคี่ยม คู่วังตาล ตระหง่านฟ้า                                  สอม ยอป่า  ก่อหมู  ดูเสกสม

มะไฟเขา สะท้อนรอก ดอกเกลียวกลม                               ชี้ให้ชม เชียด หูยาน   สร้านใหญ่  เมา

ป่าดิบชื้น ชมปาล์มชวา มาปาล์มจีบ                                      เดินเร่งรีบ ยางมันหมู ดูปาล์มขาว

กะบากโน่น กะโดนนี่ มีสะเดา                                              รัก กริมเขา ต้นเปล้าใหญ่ ใกล้แลนบาน

แซะ ตระหง่าน ชันรูจี นี่มะหวด                                            เดินสำรวจ มะนาวผี ในที่สถาน

มองต้นหลาม เห็นเต่าร้าง โน่นมังตาน                                  ขนุนปาน ตะเคียนทราย ต้นพลับพลา

จ้องแดงเขา เคล้าตีนเป็ด เอ็ดกะออก                                    ลืมไทรตอก แคยอดดำ ช้ำนักหนา

ต้นลูกเลือด ดำตะโก โอ้กานดา                                            ต้นเฉียงพร้านางแอ  แห่เถาวัลย์

แพ ทะโร  โถอยู่ไกล ถึงในป่า                                              พอข้ามา เจ้าสุขนัก ฟังจักจั่น

เสียงหริ่งหรีด กรีดก้อง ร้องทั้งวัน                                        ขอไปฝัน ถึงป่างาม ที่สามพราน

    เดินชมป่า วนาลี มิหันเห                                                    ขอไปโลม ชมทะเล ให้สุขศานต์

ทะเลตรัง ภวังค์จิต คิดไว้นาน                                               อันดามัน สวรรค์สวาท รัดอุรา

ถึงหาดยาว พวกเราฝัน วันเที่ยวเกาะ                                     ถามไถ่เสาะ เจาะค้นข่าว เราเรียกหา

ตกลงใจ ได้เรือยนต์ สนนราคา                                             ใช้เงินตรา มาเป็นทุน ช่วยหมุนเวียน

ชูชีพสรวม ร่วมพลัง แดดยังร้อน                                          นั่งสลอน คอนสองกราบ ดังภาพเขียน

เห็นบางคน ค้นหายา แก้อาเจียน                                            ไปเยี่ยมเยียน เกาะมุก ทุกคนเฮ

ทุกคนหวัง ตั้งใจ ไม่ละลด                                                    ถ้ำมรกต มุ่งมั่น ไม่หันเห

ตระหง่านผา สง่าดัง ไกลฝั่งทะเล                                          คาดคะเน เกือบชั่วโมง ลงในเรือ

ฝ่าคลื่นเห่ ทะเลเร้า ไปเข้าถ้ำ                                                  ฟ้าจรดน้ำ ล้อมถ้ำมุก สุขใจเหลือ

ละอองเค็ม เต็มหน้า เหมือนทาเกลือ                                     คนขับเรือ หมุนพังงา พาเรือไป

เหยียบบันได ไต่จากเรือ โดดลงน้ำ                                      ว่ายเข้าถ้ำ จับเชือกลอย เกาะหัวไหล่

กระเพื่อมเท้า สาวขบวน เป็นพรวนไป                                มืดรำไร ว่ายแหวกโผ โผล่ถ้ำงาม

ร่องถ้ำเล็ก เรือลำใหญ่ ไม่อาจลอด                                       สมอทอด จอดดู อยู่ปากถ้ำ

ถ้ำภายใน นั้นมีปล่อง ต้องแสงวาม                                       สีหยกคราม อร่ามเขียว เสี้ยวหาดทราย

ชมความงาม ถ้ำสวรรค์ กันเอมอิ่ม                                        กลับเลียบริม เลาะมุก สุขใจหลาย

สวยแวววาม ยามแสงส่อง ละอองทราย                                มิเสื่อมคลาย ที่ได้เห็น เหมือนเป็นบุญ

เกือบใกล้ค่ำ อาบน้ำจืด ยึดแพใกล้                                        ล้อมโต๊ะไว้ รอประเดี๋ยว อย่าเฉียวฉุน

แบล็คโซดาน้ำแข็งก้อน อ่อนละมุน                                     เติมต่อตุน ด้วยซีฟู๊ด จัดชุดเต็ม

    ไม่นอนตรัง นั่งรถก่อน นอนกระบี่                                 รุ่งพรุ่งนี้ ออกเที่ยวใหม่ ให้ข้นเข้ม

ถึงกระบี่ เต็มที่หน่อย อร่อยเอม                                            กินอิ่มเปรม เที่ยวไปโลด สดชื่นบาน

กระบี่ตรัง ฝั่งดามัน สวรรค์สร้าง                                           เกาะสล้าง ทะเลงาม ตามคำขาน

ตรังกระบี่ มีชีวิต จิตวิญญาณ                                                 เพียงแค่ผ่าน สำราญรมย์ สมฤทัย

สามทุ่มกว่า มากระบี่ ที่นอนน่วม                                          เมื่อคืนรวม นอนในรถ ไม่สดใส

แต่คืนนี้ ทีวีอยู่ ดูสบาย                                                           ตื่นตอนสาย ได้กาแฟ แลดูดี

เสาะแสวง แหล่งอาหาร ทานมื้อเช้า                                       เก็บกระเป๋า เรียงไว้ ไปทุกที่

มองที่เที่ยว ประทับใจ ตรงไหนดี                                        เมืองกระบี่ มีเยอะแยะ แวะเรื่อยไป

ที่ทำบุญ สุญทาน วัดถ้ำเสือ                                                    ไม่นึกเบื่อ เมื่อเข้าถ้ำ ตามไศล

ประติมากรรม วิถีพุทธ สุดวิไล                                             หวนคำนึง ถึงรัตนตรัย ใจบูชา

พระพุทธรูป องค์ใหญ่ ยอดเขาแก้ว                                      ประกายแพรว เมื่อต้องแสง ส่องแรงกล้า

หลวงพ่อจำเนียร เพียรประดิษฐ์ จิตศรัทธา                          ใช้เพิงผา ถ้ำโพรง ส่งบารมี

ให้เป็นแหล่ง วิปัสสนา กรรมฐาน                                         สวยตระหง่าน ตระการตา พาสุขศรี

กราบพระธาตุ องค์ศาสดา เสริมบารมี                                   พ้นราคี หนีผองพาล หลบแผ้วภัย

     หาดนพรัตน์ ธารา มาชมทัศน์                                           ออกจากวัด ชมอุทยาน ชมธารใส

สุสานหอย นั่งคอยจ้อง มองสุดไกล                                     สนโยกไกว ที่ชายทะเล บ้านแหลมโพธิ์

เจ็ดสิบห้า ล้านปี มีหอยขม                                                     เรียงทับถม เป็นแผ่นฐาน มานานโข

เป็นแผ่นหิน ขนาดใหญ่ เรียงไว้โชว์                                     หอยหินโผล่ อันดามัน อัศจรรย์ใจ

เขาเดินหาด ลาดหิน สุสานหอย                                             เรานั่งคอย ดูต้นพร้าว พราวไสว

นั่งรับลม ชมถิ่นท้อง ทะเลไทย                                            ปล่อยจิตใจ ให้ไกลลิบ เจ็ดสิบล้านปี

     จากสุสาน ลานหอย ไปอีกหาด                                        ทรายสะอาด เดินวาดฝัน วันสุขศรี

หาดพระนาง ฝรั่งเที่ยว เปรี้ยวมันดี                                       แต่อ้วนพี เล็กน้อย นั่งคอยดู

ริมทะเล มีเซเว่นส์ เป็นทิวแถว                                              ส่อเห็นแวว บาร์ฝรั่ง นั่งเป็นคู่

ประมงไทย ออกไปหา หอยปลาปู                                       ความเป็นอยู่ คล้ายภูเก็ต เขตรุ่งเรือง

ปล่อยจิตใจ จนไกลฝัน เริ่มหันเห                                         มองทะเล อันดามัน จนฝันเฟื่อง

มื้อกลางวัน ฟันตามสั่ง ตังค์ไม่เปลือง                                  นั่งเคี้ยวเอื้อง ข้าวหมูกรอบ ชอบจริงเจียว

นั่งรถมา จนเที่ยงวัน ยันอ่าวลึก                                             ไม่รู้สึก นึกภาพวาด จะหวาดเสียว

สองคนขับ สนิทสนม อย่างกลมเกลียว                                อยากท่องเที่ยว ที่ไหน ไปด้วยกัน

แยกอ่าวลึก ร้านลุงแดง ทั้งแกงผัด                                        รสซ่านจัด คงมีชื่อ ที่ลือลั่น

ทั้งที่นั่ง สั่งกลับบ้าน อย่างพัลวัน                                          ตักไม่ทัน  ต้องยืนคอย อร่อยจริง

     ทัวร์เราอิ่ม ยิ้มละมัย ใจก็นึก                                             ภาพอ่าวลึก คงมากมาย ทั้งชายหญิง

แต่พวกเรา หมดเวลา จะประวิง                                             จะพักพิง ที่เขื่อน รัชชประภา

ก่อนเดินทาง ไปนั่งคอย ย่อยอาหาร                                     ที่อุทยาน รอย่อย สักหน่อยหนา

ชื่อว่าธาร โบกขรณี ที่ริมวนา                                                มีธารา ป่าเขา ลำเนาไพร

ได้ศึกษา ป่าถ้ำ ถามจนมั่ว                                                       คณะทัวร์ เข้าไปดู อยู่ใกล้ๆ

แต่ตัวฉัน อยากนอน พักผ่อนใจ                                            เสียงเรไร จักจั่นร้อง ก้องธานินทร์

นอนตัวขด จดชื่อไว้ ไม้ใหญ่คู่                                             หลับคุดคู้ ดูสุขแสน ลำแพนหิน

ริมธารสาย ไหลเฉื่อย เอื่อยวาริน                                           เมื่อได้ยิน เรียกให้ตื่น ก็ชื่นใจ

     จากอ่าวลึก ในความหลัง มานั่งขด                                   ปล่อยให้รถ แล่นลิ่ว ผ่านทิวไศล

ทิวบรรทัด ตะนาวศรี สิวิไล                                                  เดินทางไป เขื่อนเชี่ยวหลาน ตระการตา

ให้ความสุข สายตา มรรคาผ่าน                                              มีไม้ม่าน ยางปาล์ม งามนักหนา

เส้นทางขับ ทับปุด สุดคณา                                                    ได้พักตา ลืมตา พารื่นรมย์

ภายในรถ ได้สำรวจ ตรวจตลอด                                          เหนื่อยพักจอด ดอดลงแล กาแฟขม

ถึงแม่ค้า หน้างอ ก็ขอชม                                                        รสกล่อมกลม ซดกลืน ชื่นฤดี

ทัวร์ขมิ้น กินอิ่มหนำ สำราญท้อง                                         ทัวร์พี่น้อง ไปด้วย ช่วยเต็มที่

แต่ละคน บ่นว่าแย่ แก่เต็มที่                                                   ไปทุกที่ ชีวียัง ไม่ร้างรา

ได้รับลม ชมทะเล เสน่ห์เกาะ                                                พรุ่งนี้เจาะ เจอน้ำจืด พืดภูผา

ดูเวิ้งว้าง อ่างสมบัติ รัชชประภา                                            ไปหาปลา แกล้มเหล้า อบเผากิน

สักพักใหญ่ เห็นป้ายว่า บ้านตาขุน                                        เริ่มใจอุ่น ลุ้นอย่างหนัก พักกุ้ยหลิน

รีบไปหา  ท่าเทียบเรือ เพื่อเช็คบิล                                        หาที่กิน หาที่หลับ กับที่นอน

    ครั้งนิราศ รัชชประภา เคยมาพัก                                       นางนงลักษณ์ ไม่ได้มา ในคราก่อน

มาครั้งนี้ มิเสียหลาย ไร้อาวรณ์                                              ได้ไปนอน ถึงในแพ แกฉ่ำใจ

ทัวร์ของเรา เขาได้แยก แตกเป็นสอง                                    พวกหนึ่งต้อง นอนดาหรา อย่าสงสัย

เรือนรับรอง การไฟฟ้า น่าสนใจ                                           นอนสบาย แอร์ฉ่ำ น้ำไม่มี

อีกกลุ่มหนึ่ง เพิ่งมาพัก มิชักช้า                                              ต่อราคา พากันบ่น จนได้ที่

สวมชูชีพ รีบแล่นไป ในทันที                                               ไม่ใยดี คนบนบก จะอกตรม

     คนบนบก ยกขบวน ชวนสำรวจ                                      รถแล่นตรวจ หากินปลา ให้สาสม

ได้สโมสร กอล์ฟเชี่ยวหลาน สำราญรมย์                             ไปนั่งชม ทัศน์ทิว ซิวสุรา

ไม่ทันดึก นึกอยากกลับ ไปหลับม่อย                                  เช้าค่อยค่อย ค้นกาแฟ ชะแง้หา

เจ็ดโมงเช้า พร้อมนัด ร่วมยาตรา                                           เที่ยวเสาะหา บ้านตาขุน อุ่นอิ่มพุง

ย้อนท่าเรือ รอรับ พวกกุ้ยหลิน                                             เห็นวาริน แตกคอเรือ เมื่อผ่านคุ้ง

มองแต่ไกล คงใช่แน่ แกมีพุง                                                นายผดุง ลุกยืน ขึ้นจากเรือ

คณะทัวร์ บอกสะใจ ให้ยิ้มแย้ม                                            อากาศแจ่ม สดใส สบายเหลือ

สุขสดชื่น รื่นรมย์ สมค่าเรือ                                                   เที่ยวไม่เบื่อ ขอยอมรับ ประทับใจ

โอ้นิราศ เชี่ยวหลาน ใครอ่านบ้าง                                         กวีสร้าง เป็นนิราศ วาดภาพไว้

เพราะความงาม บริสุทธิ์ สะดุดใจ                                         เกินบรรยาย มิได้กึ่ง ครึ่งความงาม

เมืองกุ้ยหลิน จีนใหญ่ เมื่อใครรู้                                            งามไม่สู้ กุ้ยหลิน ของถิ่นสยาม

ยิ่งสัมผัส ลัดเลาะ เกาะแก่งคาม                                              คือความงาม ธรรมชาติ อัศจรรย์

     เวลาเตือน เดือนมีนา ยี่สิบสี่                                              ทัวร์วันนี้ วันสุดท้าย จะผายผัน

ก่อนวันใหม่ จะมาถึง อีกหนึ่งวัน                                          กลับสามพราน ไปรำลึก นิราศตรัง

ราวแปดร้อย กิโลเมตร วัดเสร็จสรรพ                                  ขับรถกลับ ไม่ไกล ใจยังหวัง

หาดทรายรี คือจุดหมาย ในภวังค์                                          ขอพรขลัง อานิสงค์ องค์ชุมพร

ถนนตาขุน ถึงพุนพิน ถิ่นขยาย                                             มีเครื่องจักร ตั้งเรียงราย อยู่สลอน

แปลกพิกล พวกคนขับ ไปหลับนอน                                  สองปีก่อน อยู่อย่างนั้น มันเหมือนเดิม

ระหว่างทาง พักนิด กิจวัตร                                                   หิวก็ฟัด เรียกน้ำย่อย ค่อยๆเสริม

สองรถตู้ คู่กัน น้ำมันเติม                                                       คนเหมือนเดิม มื้อกลางวัน ฉันริมทาง

     กรมหลวง แห่งทรายรี อุดมศักดิ์                                      กองทัพเรือ เห็นประจักษ์ กำเนิดสร้าง

อิทธิฤทธิ์ แผ่ขยาย ไม่วายวาง                                                เป็นตัวอย่าง ผู้องอาจ เพื่อชาติพลี

บารมี องค์ชุมพร กราบวอนไหว้                                          ขอทุกข์ไร้ ได้แต่สุข เป็นเกียรติศรี

โรคาพาธ อย่าแผ้วพาล อย่าพึงมี                                            ขอไพรี จงพินาศ จากชาติไทย

ถวายเสียง เปรี้ยงปัด ปะทัดแถว                                            ให้ดังแว่ว พระวิญญาณ สนั่นไหว

ขอเบิกฤกษ์ เกริกก้อง เกียรติเกรียงไกร                               สถิตใน ใจองอาจ ปะทัดดัง

     บังคมลา ยาตราจร ชุมพรเขต                                           ปิ่นนเรศ หาดทรายรี มีความหลัง

มาครั้งนี้ มิได้ขาด นิราศตรัง                                                  จิตใจตั้ง จะมาใหม่ อีกหลายครา

เลียบทะเล ลัดเลาะ เจาะเพชรเกษม                                       หัวใจเปรม ตื่นเต้น เป็นหนักหนา

พิทักษ์ธรรม ถนนใหญ่ ไม่เคยมา                                          เพียงไม่ช้า วัดพลุใหญ่ ได้เส้นทาง

แวะจ่ายตังค์ ที่หลังสวน ชวนกันซื้อ                                     ไม่ต้องถือ วางจนหมด รถยังว่าง

เพชรเกษม แม้ขาเข้า รถเบาบาง                                             แผนที่วาง ตั้งคำนวณ ชวนมื้อเย็น

ตะนาวศรี ประจวบ คีรีขันธ์                                                  ชับรถผ่าน คืนขาไป ไม่ได้เห็น

มีป้ายปิด ติดไว้มั่ว ทั่วบริเวณ                                                ไม่ค่อยเห็น เสาปัก หลักกิโล

แยกปะทิว มาท่าแซะ แวะประจวบ                                       สองคันควบ เลี้ยวขวา ออกมาโผล่

ช่องกระจก งานวัด จัดใหญ่โต                                              รถวิ่งโล่ ไปตาม่องล่าย เพื่อจ่ายเงิน

มีปูปลา กุ้งหอย เขาคอยขาย                                                  ตาม่องล่าย ขายดีแท้ แต่นานเนิ่น

เขาต้มปู แกะปู ดูจนเพลิน                                                      แล้ว ควักเงิน จากกระเป๋า ให้เขาไป

ได้ของทะเล เหเข้าหา ร้านอาหาร                                          ดูรายการ สั่งแล้ว ขอแก้วใส

ขอโซดา อีกสักหน่อย พลอยชื่นใจ                                      น้ำแข็งใส่ ซ่อมคน ปนสุรา 

เพราะมื้อเย็น จึงเป็นเรื่อง ของจอห์นนี่                                 ผู้เป็นพี่ พกไปด้วย ช่วยจัดหา

แขกรับเชิญ ผู้เป็นน้อง ฉลองศรัทธา                                     ได้เวลา ตะวันลับ กลับสามพราน

ทั้งทอดผัด เผ็ดยำ ทำแกงป่า                                                   นั่นผัดฉ่า โอชารส สดอาหาร

แกล้มเกาะแก่ง แสงและลม โลมท้องธาร                             เกิดบันดาล เป็นคลื่นขาว พราวทะเล

มื้อที่สุด แห่งทัวร์ ตรังกระบี่                                                 พอขึ้นรถ ตาก็หรี่ มิหันเห

ปล่อยไปตาม คลื่นถนน จนตัวเซ                                         ตื่นตอนเห รถเข้าหา ซื้อปลาเค็ม

เมืองสมุทร สงคราม ไม่ถามก็รู้                                             เห็นปลาทู นอนหักคอ หน้างอเข้ม

เรียกขึ้นรถ นายผดุง ให้ถุงเต็ม                                              ซื้อจนเปรม เกมของทัวร์ เราคนไทย

สี่ทุ่มตรง ลงจากรถ เลิกหดเข่า                                              กระปรี้กระเปร่า เราไปต่อ ก็พอไหว

โดยนิสสัน แบ่งของเสร็จ ระเห็จไป                                     มิเท่าไหร่ ก็ไปถึง ซึ่งดอนเมือง

    เขียนสำเร็จ เสร็จนิราศ ตรังกระบี่                                     เที่ยวทุกที่ บันทึกไว้ ให้เป็นเรื่อง

ประพันธ์พจน์ บทอักษร กลอนประเทือง                           ผูกเป็นเรื่อง เชิงนิราศ อรรถกวี

เก็บเอาไว้ ใช้รำลึก รู้สึกชื่น                                                   เมื่อวันคืน ผ่านมา อย่าทิ้งหนี

คิดถึงกัน วันนิราศ ปราชญ์กวี                                               อาจไม่มี ซักกี่คน บนโลกา

     ด้วยตั้งใจ ไปกุศล โพนพิสัย                                             นิราศไกล ใกล้ลาว ในคราวหน้า

คงพากเพียร เขียนประพันธ์ ตามสัญญา                                พลตรีวิเชียร ชูปรีชา จะแต่งกลอน

 

                                                                                                 พลตรี วิเชียร   ชูปรีชา

                                                                                                     14 มีนาคม 2557