มุมมอง การศาสนาและการศึกษา ของมูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป
http://www.semsikkha.org/index.php
ศาสนา
ดังเช่นที่เกิดขึ้นในที่อื่นๆ ของโลกศาสนาแห่งปีศาจร้ายได้ทอดเงาร่างลงปกคลุมสยามประเทศ ทดสอบพละกำลัง ของพุทธศาสนา (และศาสนา อื่นๆ ด้วย) โดยบั่นทอนกำลังของพุทธศาสนาลงทุกทีๆ ในทางประวัติศาสตร์ พุทธศาสนา กับลัทธิถือผี และลัทธิพราหมณ์ ผสมผสานขึ้นเป็นวิถีความเชื่อของสังคมและชุมชนชาวไทย มีผลต่อทัศนคติ และวิถีชีวิตของชาวไทย อันรวมไปถึงท่าที ของความสัมพันธ์กับธรรมชาติ ด้วย
แต่ดั้งเดิมมาชาวไทยให้คุณค่า กับการพึ่งตนเองและความรู้จักพอ เมื่อพอใจกับวิถีชีวิตที่เรียบง่าย พวกเขาก็สัมพันธ์กับธรรมชาติอย่างกลมกลืนและงดงาม พุทธศาสนากล่อมเกลาพวกเขาให้เคารพในธรรมชาติและสรรพชีวิต
แต่เมื่อวันเวลาได้ล่วงมาถึงปัจจุบัน พุทธศาสน์กลับกลายเป็นศาสนาในฐานะที่เป็นพิธีกรรม สาระสำคัญ ได้ถูกกลืนกลบ ไปด้วย อาการอันกระหืด กระหอบ วิ่งไล่ตามความทันสมัย ในขณะที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้เคร่งครัดใน พุทธศาสนาแท้ที่จริงนั้น นับถือศาสนาบริโภคนิยมเสียยิ่งกว่า พระสงฆ์เป็นอันมากและวัดวาอารามจำนวนไม่น้อย ที่เดินไป ในแนวทางนี้ อย่างน่ารังเกียจ กล่าวคือป่าวประกาศว่า การบริจาคทาน จะนำทายกไปสู่สวรรค์ และถ้าจะตรัสรู้ ในขั้นมรรคผลก็จะต้องทำบุญ ให้หนักมือยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งที่ จริงๆ แล้วพุทธศาสนายืนอยู่คนละขั้ว กับบริโภคนิยม เลยด้วยซ้ำ ดังพุทธศาสนาให้ความสำคัญกับ คุณภาพชีวิตทางจิตวิญญาณ การรู้จักประมาณในการบริโภค เมตตากรุณา และการพึ่งตัวเองบริโภคนิยม นั้นป่าวร้องว่า ความสุขอยู่กับการที่จะมีให้มากขึ้นต้องตะเกียกตะกายไขว่คว้า ต้องโลภ ซึ่งสรุปก็คือ การต้องพึ่งพิงตลาด สำหรับสินค้าและบริการทุกๆ อย่าง ซึ่งจะต้องบริโภค (และผลิต) ให้มากยิ่งๆ ขึ้นทุกทีด้วย โดยการบริโภค และผลิตมากๆ นั้น ย่อมสร้างความกดดันให้กับสภาพแวดล้อม ความเบื่อหน่าย (ซึ่งตรงกันข้าม กับความ พึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่) ก็ถูกส่งเสริมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และแยบยล เมื่อรู้สึกเบื่อคนเราก็มักจะหาอะไรที่น่าสนใจ และเมื่อได้สิ่งใดมาบริโภคแล้วก็จะเริ่มเบื่อหน่ายอีก เป็นวงวัฏฏะไปเช่นนี้ไม่มีจบสิ้น พุทธศาสนามีทัศนะ เป็นองค์รวม ให้เห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยง ระหว่างการดำรงอยู่กับสสาร กับ ธรรมชาติ ให้ความสำคัญกับเมตตาธรรม ความสามานฉันท์ และการร่วมไม้ร่วมมือ คำสอนในทางพุทธศาสนายังให้ปัญญาญาณ ที่จะทำความเข้าใจต่อปัญหา ที่เกิดขึ้นกับคน และสังคม ปรารภเหตุเช่นนี้ ในทาง หนึ่ง เราจะต้องหาวิธีประยุกต์ธรรมะ เพื่อที่จะอธิบายประเด็น ร่วมสมัยต่างๆ จะเห็นได้ว่าการสมพงศ์กันระหว่างธรรมะกับวิธีคิดใหม่ ในวิถีทางเลือกนั้นเป็นไปได้ และจะเป็นแนวทางในการเยียวยาแก้ไขปัญหาที่หลากหลายนานาประการ ตั้งแต่ปัญหาส่วนตัว สังคม ไปจนถึงเรื่องสภาพแวดล้อม ในอีกทางหนึ่งนั้น พระภิกษุและแม่ชีจะต้องทำความเข้าใจในพุทธศาสนา อย่างลุ่มลึกแยบคาย และดำรงตน ให้เป็นแบบอย่างที่เหมาะสม พระภิกษุและแม่ชีแต่เดิมมามีบทบาทสำคัญทางสังคม คือจะเป็นผู้ประสานประโยชน์ เจรจาไกล่เกลี่ย และเป็นผู้นำทางจริยธรรม แต่ทั้งหมดนี้เราต้องไม่ลืมที่จะคำนึงด้วยว่า ในขณะนี้พวกท่านได้สูญเสียความมั่นใจลงไปด้วย เนื่องด้วยบทบาทของท่าน ได้ถูกลดทอนลงในท่ามกลางการแตกตื่น วิ่งไล่กวดความเจริญก้าวหน้า กันอย่างละโมบมัวเมาสองทศวรรษมาแล้ว มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีปได้เป็นคบเพลิงของขบวนการฟื้นคืนชีวิต ให้แก่พุทธศาสนาเราได้ใช้ขบวนการเรียนรู้ทางด้านต่างๆ เพื่อเสริมความมั่นคง ให้พระภิกษุและแม่ชีอีกครั้ง เป็นขบวนการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ ที่วางรากฐานอยู่บนแนวคิด พุทธศาสนาเพื่อสังคม การพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม และเศรษฐกิจชุมชน เป็นต้นเพื่อให้ผู้บวชได้กลับมา เป็นผู้นำในท้องถิ่นของท่าน เพื่อจัดการ กับปัญหาต่างๆ ทางสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ผลจากการปฏิบัติงานดังกล่าวเราได้ขยายเครือข่ายของพระภิกษุ และแม่ชีออกไปอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเช่นเดียวกัน ในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า กัมพูชา ลาว และศรีลังกาเมื่อเร็วๆ นี้ ด้วยการรวมตัว กับลัทธิศาสนา อื่นๆ เราได้ส่งเสริมพุทธทัศนะ ในการต่อสู้กับความรุนแรงทางโครงสร้าง ทั้งในทางเศรษฐกิจ และการเมืองระดับ นานาชาติ นั่นคือ โครงการอริยวินัย
คงเป็นสัจธรรมที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ ที่จะได้รับการศึกษาและการฝึกอบรม แต่จะเป็นการศึกษาแบบไหนกัน ละหรือ ถ้าจะบอกว่าการรู้หนังสือเป็นแต่เพียงการอ่านออกเขียนได้ จะได้หรือไม่
ในหลายแง่มุม การศึกษากระแสหลักก็คือโรงงานผลิตหุ่นยนต์ นักเรียนและนักศึกษาจะปราศจาก ความเป็นตัวของตัวเอง หากถูกล้างสมองให้มีวัฒนธรรมเชิงเดี่ยว และเป็นผู้พิทักษ์ระบบเศรษฐกิจ การเมืองที่ผู้ชายเป็นใหญ่อยุติธรรมและรุนแรง วิถีแห่งการแข่งขัน เข้ามาแทนความเมตตากรุณากติกาใหม่คือใครดีใครได้ ใครได้เปรียบก็พร้อมจะเหยียบหัวคนอื่นขึ้นไป ความคิด สร้างสรรค์จะถูกจัดสรร ให้เข้าไปรับใช้อำนาจ และสถานภาพที่ดำรงอยู่เท่านั้นโศกนาฏกรรม เช่นนี้ของการศึกษาก็ไม่แปลกประหลาดอะไร เพราะดำเนินไปตามโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจ การเมืองเสรีนิยมอย่างใหม่ ทุนได้แทรกซึมเข้าไปใน ทุกๆ มิติ เข้าไปในทุกๆ ซอก ทุกๆ มุมของวิถีชีวิตมนุษย์ แม้แต่ในจิตไร้สำนึกเรามีวิสัยทัศน์ทางการศึกษา และขอนำเสนอรูปแบบใหม่ ของการรู้หนังสือซึ่งเป็นวัฒนธรรมอันเอื้อต่อสันติภาพ และให้ความสำคัญ กับมิติทางจิตวิญญาณ ทั้งของปัจเจกบุคคล และของสังคม แนวทางการศึกษาของเรา จึงเป็นองค์รวม (ซึ่งตรงกันข้าม กับการแบ่งแยก ออกเป็นส่วนเสี้ยว) และให้ความ สำคัญกับการร่วมมือกัน ระหว่างศาสนาและลัทธิความเชื่อ การศึกษาแบบนี้ เราจะบ่มเพาะความงอกงาม ของหัวสมองกับหัวใจ ให้ไปด้วยกัน และพัฒนาปัจเจกบุคคลและสังคมอย่าง รอบด้าน การศึกษามิใช่เพียง แต่ให้เครื่องไม้เครื่องมือแก่บุคคลที่จะทำมาหากิน เพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยดำรงชีวิตเท่านั้น หากการศึกษาควรเปิดโลกทางสังคม วัฒนธรรม การเมือง และที่สำคัญยิ่งคือจิตวิญญาณ ให้กับเขาที่เขาจะเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ เรียนรู้ แล้วงอกงามเติบโตได้ ทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปในบริบทของ สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และประสานภูมิปัญญาดั้งเดิม ของเอเชีย ตลอดจนหลักการทางศาสนธรรม เข้ากับทัศนะทางเลือกของโลกตะวันตก เราจึงจะได้มนุษย์ ที่สามารถค้นหา ศักยภาพ ของตน เข้าอกเข้าใจผู้อื่น หล่อเลี้ยงความหลากหลาย ทั้งในความสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
ท่านผู้สนใจโครงการรายละเอียดกรุณาดูได้ในเว็บไซต์ชุมชนแห่งการเรียนรู้
http://www.semsikkha.org/index.php